คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป. เป็นลูกจ้างของผู้เสียหาย มีหน้าที่เฝ้าดูแลรถยนต์ในร้านของผู้เสียหาย ป. กับพวกรวมทั้งจำเลยใช้รถยนต์ของผู้เสียหายบรรทุกข้าวของส่วนตัวออกจากที่พักในร้านของผู้เสียหายเพื่อย้ายที่อยู่ใหม่ โดยมิได้เอาทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่นของผู้เสียหายไปด้วย เมื่อใช้รถยนต์ของผู้เสียหายเสร็จก็นำไปจอดทิ้งไว้แล้วพวกของป. โทรศัพท์แจ้งให้พี่ชายผู้เสียหายทราบถึงสถานที่ที่ทิ้งรถไว้ เพื่อให้ผู้เสียหายติดตามเอาคืน แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับ ป. และพวกมิได้เอารถยนต์ของผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริตจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคสาม ให้จำคุก 3 ปี คำให้การของจำเลยในชั้นจับกุม สอบสวนและข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความตามคำผู้เสียหายและนายบุญเทิดว่า นายประจวบ นายสมพงษ์ จำเลย นางอารีย์และนายติพักอยู่ที่สถานการค้าของผู้เสียหาย นายประจวบและนายสมพงษ์เป็นลูกจ้างผู้เสียหายมีหน้าที่เฝ้าดูแลรถยนต์ของผู้เสียหายที่จอดไว้ในสถานการค้าดังกล่าว นายประจวบได้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน บ-2685 สงขลา ของผู้เสียหายออกจากสถานการค้าของผู้เสียหายไปในคืนเกิดเหตุโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายก็ตาม แต่ก็ได้ความด้วยว่า นายประจวบกับพวกใช้รถยนต์ดังกล่าวขนของใช้ส่วนตัวออกจากที่พักทั้งหมดบรรทุกไปบนรถยนต์คันดังกล่าวมีลักษณะเป็นการย้ายที่อยู่เพื่อไปอยู่สถานที่ใหม่ โดยมิได้เอาทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่นของผู้เสียหายไปด้วย พฤติการณ์บ่งชี้แต่เพียงว่า นายประจวบกับพวกประสงค์เพียงได้ใช้รถยนต์ของผู้เสียหายเป็นยานพาหนะในการเดินทางขนย้ายทรัพย์สินของตนและพวกไปอยู่ ณที่แห่งใหม่เท่านั้น มิได้ประสงค์ต่อค่าหรือราคารถยนต์ของผู้เสียหายโดยการนำไปขายหรือจำหน่ายหรือยึดถือเอาไว้เป็นประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น จึงได้ให้นายติโทรศัพท์แจ้งให้นายกิตติพี่ชายผู้เสียหายทราบว่า หลังจากที่นายประจวบกับพวกเอารถของผู้เสียหายไปใช้เสร็จแล้ว ได้นำไปจอดทิ้งไว้ ณ สถานที่ใด เพื่อจะให้ผู้เสียหายได้ติดตามไปหาคืนได้โดยง่าย แสดงให้เห็นว่านายประจวบกับจำเลยและพวกมิได้มีเจตนาที่จะแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่น ข้อเท็จจริงจึงยังไม่พอฟังว่า จำเลยร่วมกับนายประจวบและพวกเอารถยนต์ของผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริต จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันลักรถยนต์ของผู้เสียหาย
พิพากษายืน

Share