คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานมีซากสัตว์ป่าสงวนไว้ในความครอบครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 มาตรา 14 และ มาตรา 38 กับฐานมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งซากสัตว์อื่น ซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามมาตรา 16 และมาตรา 40 กฎหมายแยกไว้คนละมาตราเป็นคนละฐานความผิด แสดงว่าเป็นเจตนารมณ์ ของกฎหมายที่ต้องการแยกเป็นคนละความผิดต่างกระทงกัน การกระทำความผิดดังกล่าวจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตาม ป.อ. มาตรา 91 ส่วนความผิดฐานค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง กับฐานมีไว้ในครอบครองและค้าสัตว์ป่าคุ้มครองเป็นความผิดตามมาตรา 15 และมาตรา 40บทมาตราเดียวกัน แสดงว่ากฎหมายต้องการให้เป็นความผิดในลักษณะเดียวกัน เป็นวัตถุประเภทเดียวกัน ทั้งจำเลยกระทำผิดดังกล่าวในคราวเดียวกัน การกระทำความผิดดังกล่าวจึงเป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ตาม ป.อ. มาตรา 90.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ ก.จำเลยได้มีไว้ในครอบครองซึ่งขาเลียงผา จำนวน 15 ขาอันเป็นซากของเลียงผาซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนตามบัญชีสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 8 ท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503จำเลยได้ค้าลิ่น ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงจำนวน 1 ตัว ค.จำเลยได้มีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งงูเหลือมซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2 ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงจำนวน 42 ตัว และ ง.จำเลยได้มีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งซากลิ่นสดแช่แข็งจำนวน 37 ตัว หนังลิ่นสดจำนวน 26 ตัวหนังลิ่นหมักเกลือจำนวน 41 ผืน หนังลิ่นหมักเลือดจำนวน 289 ผืนกระดองเต่าจักร 5 ชิ้น กระดองเต่าหก 1 ชิ้น และกระดองเต่าเหลือง5 ชิ้น ซึ่งเป็นซากของสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงดังกล่าวและหนังงูเหลือมจำนวน 144 ผืน หนังงูเหลือมสดจำนวน 3 ตัว ดีงูเหลือมจำนวน 28 อัน และหนังงูหลามปากเบ็ดจำนวน 2ผืน ซึ่งเป็นซากของสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2 ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง ทั้งนี้โดยจำเลยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 มาตรา 3, 4, 6, 14, 15, 16, 38,40, 47 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 228 ลงวันที่ 18 ตุลาคมพ.ศ. 2515 ข้อ 1, 5, 6, 7, 11, 13, 19 กฎกระทรวงฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2525) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ข้อ 2, 3, 4 กฎกระทรวงฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2528)ออกตามความ ในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503ข้อ 1, 2, 3, 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 มาตรา 3, 4, 6, 14, 15, 16, 38,40, 47 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 228 ลงวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2515 ข้อ 1, 5, 6, 7, 11, 13, 19 กฎกระทรวงฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2525)ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ข้อ2, 3, 4 กฎกระทรวงฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2528) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ข้อ 1, 2, 3, 4 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ฐานมีซากสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครองจำคุก 1 ปี ฐานค้าสัตว์ป่าคุ้มครองจำคุก 6 เดือนฐานมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองจำคุก 6 เดือนฐานมีไว้ในครอบครองและค้า ซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองจำคุก 6 เดือนรวมจำคุก 30 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 15 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า ความผิดฐานมีซากสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครอง ตามฟ้องข้อ ก. กับฐานมีไว้ในครอบครองและค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามฟ้องข้อ ง. เป็นความผิดกระทงเดียวกัน และความผิดฐานค้าสัตว์ป่าคุ้มครองตามฟ้อง ข้อ ข. กับฐานมีไว้ในครอบครองและค้าสัตว์ป่าคุ้มครองตามฟ้องข้อ ค. ก็เป็นความผิดกระทงเดียวกัน ต้องลงโทษบทหนักในแต่ละกระทงเพียง 2 กระทงเห็นว่า การมีไว้ในครอบครองซึ่งขาเลียงผา ซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าสงวนตามฟ้อง ข้อ ก. เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2503 มาตรา 14 และมาตรา 38 ส่วนการมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งซากสัตว์อื่นซึ่งเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามฟ้องข้อ ง.เป็นความผิดตาม มาตรา 16 และมาตรา 40 แยกไว้คนละมาตราเป็นคนละฐานความผิด แสดงว่าเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการแยกเป็นคนละความผิดต่างกระทงกัน การกระทำความผิดดังกล่าวจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดตามฟ้องข้อ ก. และ ข้อ ง. เป็น 2กระทงจึงชอบแล้ว ส่วนการค้าลิ่นซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามฟ้องข้อ ข. กับการมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งงูเหลือมซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามฟ้อง ข้อ ค. เป็นความผิดตาม มาตรา 15 และมาตรา 40บทมาตราเดียวกัน แสดงว่ากฎหมายต้องการให้เป็นความผิดในลักษณะเดียวกัน เป็นวัตถุประเภทเดียวกัน ทั้งจำเลยกระทำผิดดังกล่าวในคราวเดียวกันการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบทตามกฎหมายอาญามาตรา 90 ที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวเป็น 2 กระทง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง กับฐานมีไว้ในครอบครองและค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นความผิดกรรมเดียวให้จำคุก6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน รวมเป็นจำคุก 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3.

Share