แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 มีถิ่นที่อยู่หลายแห่งซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไปบ้านเลขที่ที่ระบุในคำฟ้องเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลยที่ 1 แม้จะมิใช่บ้านที่จำเลยที่ 1 มีชื่ออยู่ในสำเนาทะเบียนบ้านก็ตาม การที่พนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งที่บ้านดังกล่าวโดยมีภริยาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับไว้แทน จึงถือว่าได้ส่งหมายนั้น ๆ ให้แก่จำเลยที่ 1 ทราบโดยชอบแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและไม่ไปศาลในวันสืบพยานโจทก์ ถือว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจขอให้พิจารณาใหม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดและค้ำประกัน จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ โดยอ้างเหตุที่มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาว่า โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ศาลจังหวัดนครราชสีมา โดยนำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 ณ บ้านเลขที่ 96 ถนนราชบุตรตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานีแต่ขณะนั้นจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 5 ตำบลเหล่าบกอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ปรากฏตามสำเนาทะเบียนบ้านท้ายคำร้อง จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและมิได้ยื่นคำให้การและไม่ได้มาศาลในวันนัดพิจารณาคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 ขาดนัดโดยจงใจ ไม่มีเหตุจะขอให้พิจารณาใหม่ ให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้หรือไม่เห็นว่า แม้จำเลยที่ 1 มีสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ร.1มาแสดงว่า ขณะที่จำเลยที่ 1 ถูกฟ้อง จำเลยที่ 1 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 10 ตำบลเหล่าบก อำเภอม่วงสามสิบจังหวัดอุบลราชธานี แต่โจทก์ก็ส่งอ้างสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเอกสารหมาย จ.3 เป็นพยาน ในเอกสารดังกล่าวปรากฏว่า จำเลยที่ 1ได้แจ้งแก่โจทก์ไว้ว่าอยู่บ้านเลขที่ 389/4 ถนนสุรนารีตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา และจำเลยที่ 1 ได้เบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านอีกว่า ความจริงแล้วขณะทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจำเลยที่ 1 อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 357 ถนนสุรนารี ซึ่งเป็นที่อยู่คนละที่กับที่ได้แจ้งโจทก์ไว้ในสัญญาดังกล่าว และมิใช่ภูมิลำเนาตามที่โจทก์ฟ้อง นอกจากนี้ยังได้ความอีกว่าเมื่อพนักงานเดินหมายของศาลชั้นต้นไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1ที่บ้านตามภูมิลำเนาในคำฟ้องคือ บ้านเลขที่ 96 ถนนราชบุตรตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานีนางยุพา สินธุเชาว์ ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1เต็มใจยอมรับหมายไว้แทนจำเลยที่ 1 โดยไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้อยู่ที่บ้านตามที่กล่าวในคำฟ้อง และไม่ปรากฏว่านางยุพารับหมายไว้แทนจำเลยที่ 1 โดยหลงผิด พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 อยู่อาศัยในบ้านเดียวกับนางยุพาภริยา และถือได้ว่าจำเลยที่ 1 มีถิ่นที่อยู่หลายแห่งซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไป ดังนั้น บ้านที่ระบุในคำฟ้องจึงเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลยที่ 1 การที่พนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งตามคำสั่งของศาลโดยมีนางยุพาภริยาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับไว้แทนจึงถือว่าได้ส่งหมายนั้น ๆ ให้แก่จำเลยที่ 1 ทราบโดยชอบแล้วจำเลยที่ 1 ไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและไม่ไปศาลในวันสืบพยานโจทก์ ถือว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจขอให้พิจารณาใหม่ได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน