แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง อ้างว่าเป็นเจ้าของ ซื้อมาจากร้าน ว. แต่ไม่มีหลักฐานสัญญาซื้อขายหรือสัญญาเช่าซื้อมายืนยันตามข้ออ้าง และปรากฏหลักฐานการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 มกราคม2533 ก่อนผู้ร้องเบิกความเป็นเวลาเกิน 9 เดือน ทั้งเป็น เอกสารที่ออกแทนเล่มที่หายไปโดยออกให้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2533 หลังวันที่ 25มิถุนายน 2533 ซึ่งมีวันเกิดเหตุคดีนี้เป็นเวลา 2 เดือนเศษ และก่อนวันที่ 24 สิงหาคม 2533 อันเป็นวันที่ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอคืนของกลางเพียง9 วัน เป็นข้อพิรุธทั้งขัดกับข้อความ ที่ปรากฏในบัตรส่งค่างวดของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวที่จำเลย นำไปแสดงกับพนักงานสอบสวนโดยอ้างว่า จำเลยเป็นผู้เช่าซื้อเมื่อ วันที่ 9 มกราคม 2533 ค้างค่างวด 27,000บาท และที่ผู้ร้องอ้างว่า ให้จำเลยยืมรถจักรยานยนต์ไปในวันเกิดเหตุเวลา 17.30 นาฬิกา ก็ขัดกับบันทึกคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนและบันทึกการจับกุมจำเลย ซึ่งระบุว่าจับกุมจำเลยได้พร้อมรถจักรยานยนต์เมื่อเวลา 6 นาฬิกา ก่อนเวลาที่ผู้ร้องให้จำเลยยืมไป ผู้ร้องทราบเรื่องรถจักรยานยนต์ ถูกยึดวันรุ่งขึ้นแต่ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องไปติดต่อขอคืนในทันที พยานหลักฐานของผู้ร้องมีพิรุธและขัดต่อเหตุผล จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลาง.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและสั่งริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง อ้างว่าเป็นของผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจให้จำเลยนำรถของกลางไปกระทำความผิด ขอให้สั่งคืนแก่ผู้ร้อง
โจทก์คัดค้านว่า รถจักรยานยนต์ของกลางมิใช่ของผู้ร้องขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาวินิจฉัยว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องหรือไม่ ได้ความจากผู้ร้องว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน สุรินทร์ง – 2326 ของกลางโดยซื้อมาจากร้านวรรณเทพยนต์ด้วยเงินสดในราคา19,500 บาท ก่อนเกิดเหตุประมาณ 4 ปี ตามใบคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์เอกสารหมาย ร.1 เห็นว่า นอกจากผู้ร้องไม่มีหลักฐานสัญญาซื้อขายหรือสัญญาเช่าซื้อ และพนักงานร้านวรรณเทพยนต์เป็นพยานบุคคลเบิกความยืนยันตามข้ออ้างผู้ร้องแล้ว ยังปรากฏตามเอกสารหมาย ร.1 ว่ามีการจดทะเบียนรถเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2533ก่อนผู้ร้องเบิกความเป็นเวลาเกิน 9 เดือน ทั้งเป็นเอกสารที่ออกแทนเล่มที่หายโดยออกให้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2533 หลังวันที่25 มิถุนายน 2533 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุคดีนี้เป็นเวลา 2 เดือนเศษและก่อนวันที่ 24 สิงหาคม 2533 อันเป็นวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนของกลางเพียง 9 วัน นับเป็นข้อพิรุธ ทั้งขัดกับข้อความที่ปรากฏในบัตรส่งค่างวดของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเอกสารหมาย จ.1ซึ่งจำเลยนำไปแสดงต่อพนักงานสอบสวนอ้างว่า จำเลยเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์จากห้างหุ้นส่วนจำกัดวรรณเทพยนต์ โดยมีข้อความปรากฏในเอกสารว่ามีการออกรถจักรยานยนต์เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2533ค้างค่างวดอยู่ 27,000 บาท กำหนดชำระเงินงวดแรกวันที่ 9 กุมภาพันธ์2533 และที่ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ร้องให้จำเลยยืมรถจักรยานยนต์ไปในวันเกิดเหตุเมื่อเวลา 17.30 นาฬิกา ก็ขัดกับบันทึกคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเอกสารหมาย จ.2 และบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.4ซึ่งระบุว่า จับกุมจำเลยได้พร้อมรถจักรยานยนต์เมื่อเวลา 6 นาฬิกาก่อนเวลาที่ผู้ร้องให้จำเลยยืมรถไป นอกจากนี้ผู้ร้องยังเบิกความว่าทราบเรื่องรถจักรยานยนต์ถูกยึดวันรุ่งขึ้นจากวันที่ 25 มิถุนายน2533 ที่เกิดเหตุแต่ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องไปติดต่อพนักงานสอบสวนเพื่อขอรถคืนในทันทีเพิ่งยื่นคำร้องขอคืนของกลางคดีนี้ในวันที่ 24สิงหาคม 2533 หลังวันทราบว่ารถจักรยานยนต์ถูกยึดถึง 2 เดือนพยานหลักฐานของผู้ร้องมีพิรุธและขัดต่อเหตุผลหลายประการดังกล่าวจึงฟังไม่ได้ว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลาง…”
พิพากษายืน.