คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 การรับสภาพหนี้จะต้องกระทำโดยลูกหนี้ แต่ลูกหนี้อาจตั้งตัวแทนให้ชำระหนี้แทนได้ซึ่งย่อมต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้ของลูกหนี้นั้นเอง จำเลยที่ 2เคยลงลายมือชื่อรับสินค้าที่จำเลยที่ 1 ซื้อมาจากโจทก์แทนจำเลยที่ 1และเคยพูดขอผัดผ่อนชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 2มอบหลังคาไฟเบอร์กระบะรถชำระหนี้ให้โจทก์ เป็นการกระทำโดยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสิทธิเรียกร้องของโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 โดยปริยาย จึงเป็นการรับสภาพหนี้ที่มีผลผูกพัน จำเลยที่ 1 ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณกลางเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน 2528 จำเลยทั้งสองร่วมกันซื้อน้ำมันเครื่องและน้ำมันหล่อลื่นจาระบี รวมเป็นเงิน 20,413 บาท จำเลยทั้งสองรับสินค้าไปแล้วแต่ยังไม่ชำระเงินให้โจทก์ ต่อมาเมื่อวันที่ 16 กันยายน2529 จำเลยทั้งสองได้ชำระค่าน้ำมันให้โจทก์เป็นเงิน 5,000 บาทคงค้าง 15,413 บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่เคยซื้อน้ำมันเครื่องตามฟ้องแต่เคยซื้อเมื่อ พ.ศ. 2524-2525 และชำระหนี้ให้แล้ว จำเลยที่ 2ไม่ได้รับสภาพหนี้แทนจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 15,413 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันที่21 ตุลาคม 2530 (อันเป็นวันฟ้อง) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 1 ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งเป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ภาค 3 แล้วว่าการที่จำเลยที่ 2 มอบหลังคาไฟเบอร์รถกระบะชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนถือเป็นการรับสภาพหนี้ผูกพันจำเลยที่ 1 หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ซื้อน้ำมันเครื่องจากโจทก์ จำเลยที่ 2เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 เคยลงลายมือชื่อรับสินค้าแทนจำเลยที่ 1และพูดขอผัดผ่อนการชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 ก่อนมีการส่งมอบหลังคาไฟเบอร์รถกระบะให้แก่พนักงานของโจทก์รับไปนั้น จำเลยที่ 2ได้แจ้งให้พนักงานของโจทก์ทราบ และพนักงานของโจทก์ได้ตอบตกลงรับหลังคาไฟเบอร์รถกระบะดังกล่าว จำเลยที่ 2 ได้ให้จำเลยที่ 1ถอดหลังคาไฟเบอร์รถกระบะไว้ที่บ้าน และพนักงานของโจทก์ได้มารับเอาไปโดยทำบันทึกตามเอกสารหมาย จ.4 กับจำเลยที่ 2 พิเคราะห์แล้วเอกสารหมาย จ.4 เป็นใบส่งของชั่วคราวของโจทก์ ระบุนามลุงขาวซึ่งเป็นชื่ออีกชื่อหนึ่งของจำเลยที่ 1 ช่องรายการมีข้อความว่าโจทก์ได้รับชำระเป็นหลังคาไฟเบอร์กระบะเป็นจำนวนเงินในราคา5,000 บาท จากยอดเงิน 20,413 บาท หักแล้วคงเหลือ(หนึ่งหมื่นห้าพันสี่ร้อยสิบสามบาท) และในช่องจำนวนเงินตั้งไว้20,413 บาท ลบด้วย 5,000 บาท คงเหลือ 15,413 บาท และมีจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อผู้ส่งของ เห็นว่า ข้อความและรายการในเอกสารดังกล่าวระบุชัดว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้จำนวน 20,413 บาทและชำระหนี้บางส่วนด้วยหลังคาไฟเบอร์รถกระบะเป็นเงินจำนวน5,000 บาทแล้ว คงค้างอีก 15,413 บาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172 การรับสภาพหนี้จะต้องกระทำโดยลูกหนี้ แต่ลูกหนี้อาจตั้งตัวแทนให้ชำระหนี้แทนได้ ซึ่งย่อมต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้ของลูกหนี้นั้นเอง คดีนี้ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยลงลายมือชื่อรับสินค้าแทนจำเลยที่ 1 และเคยพูดขอผัดผ่อนชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1การที่จำเลยที่ 2 มอบหลังคาไฟเบอร์กระบะรถชำระหนี้ให้โจทก์เป็นการกระทำโดยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสิทธิเรียกร้องของโจทก์ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 โดยปริยาย จึงเป็นการรับสภาพหนี้ที่มีผลผูกพัน จำเลยที่ 1 ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงในวันที่ 16 กันยายน 2529 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยรับสภาพหนี้และเริ่มนับใหม่ตั้งแต่เวลาเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้นสิ้นสุด คือเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2529ถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 2 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share