แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือสัญญาเล่นแชร์ที่จำเลยที่ 1 ทำไว้ต่อโจทก์มีจำเลยที่ 2ที่ 3 ลงชื่อไว้ต่อท้ายสัญญาในฐานะผู้ค้ำประกัน ถือเป็นเพียงหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคสองที่แสดงว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ตกลงค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1ต่อโจทก์ตามพันธะ ข้อสัญญาที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์เท่านั้นมิใช่เป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ที่ 3อันจะถือเป็นตราสารที่ต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ตามความมุ่งหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 103,104,118 จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้เล่นแชร์ จำเลยที่ 2ที่ 3 ในฐานะผู้ค้ำประกันการเล่นแชร์ของจำเลยที่ 1 ร่วมกันชำระเงินค่างวดแชร์ ซึ่งโจทก์ในฐานะนายวงแชร์ได้ออกแทนจำเลยที่ 1ไปพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยเล่นแชร์กับโจทก์เมื่อประมาณเดือนกันยายน 2525 โจทก์จะส่งจำเลยที่ 1 ไปทำงานยังประเทศสิงคโปร์ โดยขอคิดค่าบริการเป็นเงิน 15,000 บาทค่าพาสปอร์ตและวีซ่า 1,300 บาท และให้จำเลยที่ 1 ลงชื่อไว้ในกระดาษโดยไม่ได้กรอกข้อความ ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ลงลายมือชื่อในฐานะพยาน หลังจากนั้นโจทก์ไม่สามารถจัดส่งจำเลยที่ 1 ไปทำงานยังประเทศสิงคโปร์ได้ สัญญาตามเอกสารท้ายฟ้องไม่มีผลบังคับและไม่ใช่สัญญาค้ำประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680และฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ยยกฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาพิพาทเป็นข้อตกลงของสัญญาเล่นแชร์ว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำไว้กับโจทก์ แต่มีจำเลยที่ 2 ที่ 3 ลงชื่อไว้ต่อท้ายสัญญาในฐานะผู้ค้ำประกันข้อความที่จำเลยที่ 2 ที่ 3ได้ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันไว้ในเอกสารดังกล่าว คงถือเป็นเพียงหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคสองที่แสดงว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ตกลงค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตามพันธะข้อสัญญาที่จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ได้ทำไว้กับโจทก์เท่านั้น มิใช่เป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ที่ 3 อันจะถือเป็นตราสารที่ต้องเสียอากรโดยปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราที่กำหนดในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ตามความมุ่งหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 103, 104, 118 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ลงลายมือชื่อเป็นหลักฐานว่าเป็นผู้ค้ำประกันหนี้รายนี้ไว้ จึงต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนถ้าไม่ชำระก็ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ผู้ค้ำประกันร่วมกันชำระหนี้แทน