แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้คู่ความตกลงขอถือเอาผลแห่งคดีหมายเลขดำที่ 1227/2533 มาเป็นข้อชี้ขาดเพียงประเด็นเดียวก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ยื่นคำแถลงว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ร้องในคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ 1227/2533 ได้ถอนคำร้องคดีดังกล่าวและยื่นคำร้องใหม่เป็นคดีหมายเลขดำที่ 976/2534 ซึ่งมีประเด็น ของคำร้องเช่นเดียวกันกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1227/2533 ทุกประการ และขอให้ศาลรอผลการพิจารณาคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ 976/2534 ซึ่งศาลชั้นต้นจดรายงาน กระบวนพิจารณาว่าสมควรรอผลการพิจารณาคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 976/2534 ซึ่งมีประเด็นอันเดียวกันกับ คดีนี้ก่อนแสดงว่าคู่ความตกลงขอถือเอาผลแห่งคดีหมายเลขดำที่ 976/2534(คดีหมายเลขแดงที่ 1240/2536) มาเป็นข้อชี้ขาดคดีนี้แทน ดังนั้น การที่ศาลล่างทั้งสองชี้ขาดคดีโดยอาศัยผลคดีของคดีหมายเลขแดงที่ 1240/2536 ชี้ขาดคดีจึงหาเป็นการนำเอาข้อเท็จจริงนอกข้อตกลงมาวินิจฉัยชี้ขาดไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองและบริวารรื้อเรือนพร้อมสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายสัมภาระออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 8816ตำบลไผ่หนอง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่ศาลมีคำพิพากษา ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินโฉนดเลขที่ 8816 ของโจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองครอบครองที่ดินเนื้อที่60 ตารางวา โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 20 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองขอให้ยกฟ้อง
โจทก์และจำเลยทั้งสองแถลงไม่สืบพยาน โดยขอให้รอฟังผลคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1227/2533 ของศาลชั้นต้น ซึ่งจำเลยที่ 1ยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท
ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องคดีหมายเลขดำที่ 1227/2533 และยื่นคำร้องขอเป็นคดีใหม่ เป็นคดีหมายเลขดำที่ 976/2534 หมายเลขแดงที่ 1240/2536ของศาลชั้นต้น
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรมโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นหมายเรียกให้นางวรรดี กลิ่นสารีทายาทของจำเลยที่ 2 เข้าเป็นคู่ความแทนศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองและบริวารรื้อเรือนไม่มีเลขที่และสิ่งปลูกสร้างพร้อมทั้งขนย้ายสัมภาระออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 8816 ตำบลท่าช้า (ไผ่หนอง) อำเภอนครหลวงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงดังกล่าว
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2534 คู่ความแถลงร่วมกันว่า ไม่ติดใจสืบพยานคดีนี้ขอให้ชี้ขาดคดีโดยถือเอาผลในคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1227/2533 แต่การที่ศาลล่างทั้งสองนำเอาผลคดีหมายเลขแดงที่ 1240/2536 มาชี้ขาดตัดสินคดีเป็นการเอาข้อเท็จจริงนอกข้อตกลงมาวินิจฉัย เป็นการรับฟังพยานหลักฐานนอกสำนวนเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า แม้คู่ความตกลงขอถือเอาผลแห่งคดีหมายเลขดำที่ 1227/2533 มาเป็นข้อชี้ขาดเพียงประเด็นเดียวก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ยื่นคำแถลงลงวันที่ 14 สิงหาคม 2534 ว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ร้องในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1227/2533 ได้ถอนคำร้องคดีดังกล่าวและยื่นคำร้องใหม่เป็นคดีหมายเลขดำที่ 976/2534 ซึ่งมีประเด็นของคำร้องเช่นเดียวกันกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1227/2533 ทุกประการและขอให้ศาลรอผลการพิจารณาคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 976/2534 ซึ่งศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่13 กันยายน 2534 ว่าสมควรรอผลการพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 976/2534 ซึ่งมีประเด็นอันเดียวกันกับคดีนี้ก่อนแสดงว่าคู่ความตกลงขอถือเอาผลแห่งคดีหมายเลขดำที่ 976/2534(คดีหมายเลขแดงที่ 1240/2536) มาเป็นข้อชี้ขาดคดีนี้แทน ดังนั้นการที่ศาลล่างทั้งสองชี้ขาดคดีโดยอาศัยผลคดีของคดีหมายเลขแดงที่ 1240/2536 ชี้ขาดคดีจึงหาเป็นการนำเอาข้อเท็จจริงนอกข้อตกลงมาวินิจฉัยชี้ขาดไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน