คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2265/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้มีชื่อในที่ดินตาม น.ส.3 ก. ที่โจทก์นำยึดซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 สันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ร้องเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงที่แตกต่างไปจากหลักฐานที่ปรากฏตาม น.ส.3 ก. ซึ่งเป็นเอกสารมหาชนที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง จึงเป็นกรณีที่มีพยานหลักฐาน เบื้องต้นแสดงว่าคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ของผู้ร้อง ไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า จึงเป็นการสมควร และเหมาะสมที่จะให้ผู้ร้องวางเงินประกันความเสียหาย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้1,439,100.71 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ในเงินต้น1,011,171.78 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 767 และ 768 ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่องจังหวัดนครราชสีมา พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระให้โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยจนกว่าจะครบ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 767 และ 768 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์นำยึดไม่ใช่ของจำเลยแต่เป็นทรัพย์ที่ผู้ร้องซื้อมา เนื่องจากผู้ร้องมีปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวและความสมบูรณ์ในการทำนิติกรรมของผู้เยาว์จึงได้ใส่ชื่อจำเลยในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไว้แทนเพราะเป็นญาติและไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่ผู้ร้องเป็นผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าวมาโดยตลอดขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ให้การว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง และโจทก์ยื่นคำร้องว่ามีพยานหลักฐานเบื้องต้นแสดงว่าคำร้องของ ผู้ร้องไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้าขอให้ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องวางเงินจำนวน 250,000 บาท หรือตามที่เห็นสมควรเพื่อประกันความเสียหายที่โจทก์อาจได้รับ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องนำเงินจำนวน 250,000 บาทมาวางศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง มิฉะนั้นให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ก่อนครบกำหนดวางเงินผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องไม่ต้องวางเงินประกัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง
เมื่อครบกำหนดผู้ร้องไม่วางเงินตามคำสั่งศาลศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของผู้ร้องออกจากสารบบความ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยเป็นผู้มีชื่อในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 767 และ 768 ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ที่โจทก์นำยึดในคดีนี้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373สันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ร้องเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงที่แตกต่างไปจากหลักฐานที่ปรากฏตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ซึ่งเป็นเอกสารมหาชนที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง จึงเป็นกรณีที่มีพยานหลักฐานเบื้องต้นแสดงว่าคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ของผู้ร้องไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า และปรากฏตามคำร้องขอของผู้ร้องว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีตีราคาทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นเงิน 1,060,000 บาท ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อศาล 250,000 บาท ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสอง (1) จึงเป็นการสมควรและเหมาะสมแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share