แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยออกเงินตกแต่งทำหินขัดพื้นชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สอง ทำผนังกั้นห้องต่อเติมทำห้องน้ำชั้นที่สองและต่อเติมพื้นที่ชั้นที่สามครึ่ง เป็นการกระทำเพื่อความสวยงามและเพื่อความสะดวกสบายในการใช้สอยทรัพย์สินที่เช่านั้นหามีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษที่จะทำให้จำเลยมีสิทธิยิ่งไปกว่าสัญญาเช่าธรรมดาไม่ เมื่อสัญญาเช่า ครบกำหนดแล้วและโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะให้จำเลยเช่าต่อ จำเลยก็ไม่มีสิทธิอยู่ในตึกแถวพิพาทอีกต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยและบริวารขนย้ายออกจากตึกแถวของโจทก์และให้ชำระค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 3,000 บาท จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากห้องที่พิพาทของโจทก์
จำเลยให้การว่า เมื่อปี 2519 จำเลยเช่าตึกแถวห้องที่พิพาทจากโจทก์โดยตกลงเช่าอันมีค่าตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดามีกำหนดระยะเวลาเช่า 16 ปี ยังไม่ครบกำหนด โจทก์ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องขับไล่จำเลย โจทก์เรียกค่าเสียหายสูงเกินจริงขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากตึกแถวเลขที่ 176/12 ถนนบำรุงเมือง ตรอกราชศักดิ์แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ของโจทก์และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 3,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากตึกแถวดังกล่าว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าการที่จำเลยตกแต่งต่อเติมตึกแถวพิพาทของโจทก์เป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาหรือไม่เห็นว่า การที่จำเลยออกเงินตกแต่งทำหินขัดพื้นชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สอง ทำผนังกั้นห้องต่อเติมทำห้องน้ำชั้นที่สอง และต่อเติมพื้นที่ชั้นที่สามครึ่งเป็นการกระทำเพื่อความสวยงามและเพื่อความสะดวกสบายในการใช้สอยทรัพย์สินที่เช่าเท่านั้น หามีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษที่จะทำให้จำเลยมีสิทธิยิ่งไปกว่าสัญญาเช่าธรรมดาไม่ เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดแล้วและโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะให้จำเลยเช่าต่อ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอยู่ในตึกแถวพิพาทอีกต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน