คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1870/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญากู้เงินข้อ 2 ระบุไว้ความว่า ผู้กู้ยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จะส่งชำระดอกเบี้ยภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน ไม่ให้ผิดนัด ถ้าผิดนัดยอมให้เอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้ากับต้น ถือเป็นเงินต้นแล้วคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ทบดอกเบี้ยเข้าแล้วนี้ต่อไปทุกคราว ตามอัตราและกำหนดชำระที่กล่าวแล้ว นั้น เป็นข้อตกลงที่ให้ส่งดอกเบี้ยเป็นรายเดือน หากผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระเดือนใด ผู้ให้กู้มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ดอกเบี้ยค้างชำระไม่น้อยกว่าปีหนึ่งก่อน ข้อตกลงเฉพาะที่ให้คิดดอกเบี้ยทบต้นดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 วรรคแรก ตกเป็นโมฆะ
โจทก์ผู้ให้กู้มีวัตถุประสงค์รับฝากเงินและให้กู้ยืมเงิน สัญญากู้เงินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ผู้กู้ เป็นสัญญากู้เงินกันตามธรรมดาโดยจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์เพียงฝ่ายเดียว ไม่มีหนี้สินอะไรที่จะหักกลบลบกันแม้โจทก์จะทำทะเบียนสัญญากู้เงินไว้ทะเบียนดังกล่าวก็เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นเพียงเพื่อประสงค์จะทราบว่า จำเลยที่ 1กู้เงินไปเมื่อใด จำนวนเท่าใด ผ่อนชำระดอกเบี้ยและเงินต้นแล้วเพียงใดกับยังค้างชำระอีกเท่าใด มิใช่เป็นการตัดทอนบัญชีหนี้อันเกิดขึ้นแต่กิจการในระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1จึงมิใช่เป็นเรื่องบัญชีเดินสะพัดหรือการค้าขายอย่างอื่นทำนองบัญชีเดินสะพัด โจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นจากจำเลยที่ 1ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655วรรคสอง ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ ในฐานะผู้กู้ จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้ค้ำประกันยอมเข้ารับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ให้ร่วมกันรับผิดใช้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยทบต้นที่ค้างชำระจนถึงวันฟ้อง กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ทำสัญญากู้เงินโจทก์ตามธรรมดา ไม่มีการเปิดบัญชีเดินสะพัดหรือคิดหักยอดหนี้กันเป็นประจำเป็นงวดแต่อย่างใด โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยต้นเงินจากจำเลยที่ ๑ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้เงินต้นที่ค้าง พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีนับแต่ผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้ตามสัญญา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญากู้เงินข้อ ๒ ระบุไว้ความว่า จำเลยที่ ๑ยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จะส่งชำระดอกเบี้ยภายในวันที่ ๕ของทุกเดือน ไม่ให้ผิดนัด ถ้าผิดนัดยอมให้เอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้ากับต้นถือเป็นเงินต้น แล้วคิดดอกเบี้ยจากต้นเงินที่ทบดอกเบี้ยเข้าแล้วนี้ต่อไปทุกคราวตามอัตราและกำหนดชำระที่กล่าวแล้ว ดังนี้ เป็นข้อตกลงที่ให้ส่งดอกเบี้ยเป็นรายเดือน หากจำเลยที่ ๑ ผิดนัดไม่ชำระเดือนใด โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ดอกเบี้ยค้างชำระไม่น้อยกว่าปีหนึ่งเสียก่อน ข้อตกลงเฉพาะที่ให้คิดดอกเบี้ยทบต้นดังกล่าวจึงเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๕ วรรคแรก เป็นโมฆะสัญญากู้เงินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เป็นสัญญากู้เงินกันธรรมดา โดยจำเลยที่ ๑ เป็นลูกหนี้โจทก์เพียงฝ่ายเดียว ไม่มีหนี้สินอะไรที่จะหักกลบลบกัน แม้โจทก์จะทำทะเบียนสัญญากู้เงินไว้ทะเบียนดังกล่าวก็เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นเพียงเพื่อประสงค์จะทราบว่าจำเลยที่ ๑กู้เงินไปเมื่อใด จำนวนเท่าใด ผ่อนชำระดอกเบี้ยและ เงินต้นแล้วเพียงใดกับยังค้างชำระอีกเท่าใด มิใช่เป็นการตัดทอนบัญชีหนี้อันเกิดขึ้นแก่กิจการในระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ จึงมิใช่เรื่องบัญชีเดินสะพัดหรือการค้าขายอย่างอื่นทำนองบัญชีเดินสะพัด โจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นจากจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๕๕ วรรคสอง ก็ไม่ได้เช่นกัน
พิพากษายืน

Share