คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามพยานเอกสารและข้อนำสืบของจำเลยรับฟังได้ว่า การเป็น นายหน้าคงมีแต่โจทก์ที่ 2 จำเลยที่ 2 และบุคคลอื่นร่วมกัน ทำการเป็นนายหน้าเท่านั้น โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1 ไม่ได้ เกี่ยวข้องกับการเป็นนายหน้าแต่อย่างใด ลักษณะการทำงานและ การแบ่งผลประโยชน์กันของกลุ่มนายหน้า เป็นการแบ่งหน้าที่ กันทำงานในลักษณะการเป็นหุ้นส่วนกัน ทั้งผลประโยชน์ที่จะได้ จากการทำการเป็นนายหน้าก็ตกลงเป็นอัตราส่วนของยอดเงิน ที่ได้รับมา แม้โจทก์ที่ 2 จะไม่มีนิติสัมพันธ์กับบุคคลภายนอก ก็รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ว่าจ้างโจทก์ที่ 2 ให้ทำการเป็น นายหน้า จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 2 ในฐานะ ผู้ว่าจ้าง และเมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ได้ว่าจ้างโจทก์ที่ 2 ให้ทำการ เป็นนายหน้า จำเลยที่ 2 จึงรับผิดชำระส่วนแบ่งค่านายหน้า ให้โจทก์ที่ 2 ตามส่วนที่ตกลงจากยอดเงินที่จำเลยที่ 2 รับมาจาก กลุ่มบริษัท ฮ. เท่านั้น หาใช่ต้องรับผิดชำระส่วนแบ่งจากยอดเงินร้อยละ 1 ของมูลค่าตามสัญญาไม่ และเมื่อข้อนำสืบ ของจำเลยมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าเงินค่านายหน้าที่จำเลยที่ 2 รับมาทั้งหมดมีการแบ่งให้กลุ่มนายหน้า ซึ่งรวมทั้งโจทก์ที่ 2 ครบถ้วนแล้ว จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดชำระค่านายหน้า ให้โจทก์ทั้งสองอีก

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระหนี้ค่านายหน้าจำนวน 9,728,757.06 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยและโจทก์ทั้งสองมิได้ฎีกาโต้แย้งว่า ในการที่กลุ่มบริษัทฮิตาชิ จำกัด ได้เข้าทำสัญญากับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย รับเหมางานวางข่ายสายโทรศัพท์โครงการงานข่ายสายท้องถิ่นที่ 5 นั้น มีข้อตกลงว่ากลุ่มบริษัทฮิตาชิ จำกัด จะจ่ายค่านายหน้าในอัตราร้อยละ 1 ของมูลค่าในสัญญาให้แก่ผู้ที่ช่วยเหลือให้กลุ่มบริษัทฮิตาชิ จำกัด ได้เข้าทำสัญญาดังกล่าวมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองประการแรกว่าโจทก์ทั้งสองได้รับเงินในฐานะร่วมเป็นนายหน้าเต็มตามจำนวนที่ตกลงแล้วหรือไม่ โจทก์ทั้งสองฎีกาว่า โจทก์ทั้งสองฟ้องว่าจำเลยทั้งสองจะต้องจ่ายค่านายหน้าที่จำเลยทั้งสองรับมาตามสัญญาแอลซีเอ็น 2/1, 2/2 และ 2/3 โจทก์ได้รับชำระบางส่วนทั้งสามรายการโจทก์ได้รับไม่ครบรวมเป็นเงินประมาณสองล้านบาท จำเลยไม่ยื่นคำให้การโต้แย้งต้องถือว่าจำเลยทั้งสองยอมรับในข้อนี้ และจำเลยนำสืบว่าได้หักหนี้ที่โจทก์เป็นหนี้จำเลยในการจ่ายเงินครั้งที่ 3 และครั้งที่ 5 โดยจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ ย่อมรับฟังไม่ได้ เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ โจทก์ทั้งสองมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์ จึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
มีญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองประการต่อไปว่าจำเลยทั้งสองต้องรับผิดชำระค่านายหน้าให้โจทก์ทั้งสองตามฟ้องหรือไม่ ปัญหานี้ต้องวินิจฉัยก่อนว่าโจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1ร่วมเป็นนายหน้าด้วยหรือไม่ โจทก์ทั้งสองมีโจทก์ที่ 2 เบิกความว่าจำเลยที่ 2 มีหนังสือยืนยันกับโจทก์ทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองจะจ่ายค่านายหน้าให้โจทก์ทั้งสองตามเอกสารหมาย จ.2 และ จ.5 จำเลยทั้งสองนำสืบว่า เอกสารหมาย จ.2 ดังกล่าว จำเลยที่ 2 ทำขึ้นเพื่อให้โจทก์ที่ 2 นำไปประกอบการขอกู้เงินจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด โดยจำเลยทั้งสองมีนายรณชิต จินะดิษฐ์ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาถนนสาธร เบิกความว่าเคยเห็นเอกสารหมาย จ.2 และ จ.5 ในเอกสารที่โจทก์ที่ 2 นำไปยื่นเพื่อขอสินเชื่อจากธนาคาร เห็นว่า ตามเอกสารหมาย จ.2มีข้อความว่า “บริษัทฯ ยินดีเรียนยืนยันว่า จะชำระส่วนแบ่งค่านายหน้าในการตามงานตามสัญญา ให้แก่คุณชัยวัฒน์ จำนงอาษาตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทแองโกลดัชประเทศไทย จำกัด”ซึ่งข้อความดังกล่าวย่อมแปลได้ว่าจะชำระส่วนแบ่งค่านายหน้าให้โจทก์ที่ 2 โดยโจทก์ที่ 2 มีตำแหน่งเป็นกรรมการของโจทก์ที่ 1มิได้หมายถึงว่าจะชำระส่วนแบ่งให้โจทก์ที่ 1 แต่อย่างใดทั้งเอกสารหมาย จ.2 ดังกล่าวก็น่าเชื่อตามที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่าจำเลยที่ 2 ทำขึ้นเพื่อให้โจทก์ที่ 2 นำไปขอสินเชื่อจากธนาคาร นอกจากนั้นจำเลยทั้งสองยังนำสืบว่าโจทก์ที่ 2 จำเลยที่ 2ร่วมกันเป็นนายหน้ากับบุคคลอื่นมีการคิดบัญชีกันตามเอกสารหมาย ล.6ระบุชื่อโจทก์ที่ 2 จำเลยที่ 2 นายประทีปและนายสุเทพในการรับส่วนแบ่ง โดยไม่มีชื่อโจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1 ในเอกสารดังกล่าว ทั้งโจทก์ที่ 2 ลงชื่อในเอกสารดังกล่าวด้วยข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า การเป็นนายหน้าครั้งนี้คงมีแต่โจทก์ที่ 2 จำเลยที่ 2 และบุคคลอื่นร่วมกันทำการเป็นนายหน้าเท่านั้น โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1 มิได้เกี่ยวข้องกับการเป็นนายหน้าครั้งนี้แต่อย่างใด และต้องวินิจฉัยต่อไปว่าลักษณะการร่วมกันเป็นนายหน้าดังกล่าวนั้นอยู่ในลักษณะว่าจำเลยที่ 2 ว่าจ้างโจทก์ที่ 2 เป็นนายหน้าหรือไม่ โจทก์ทั้งสองฎีกาว่าโจทก์ทั้งสองมีนิติสัมพันธ์เฉพาะกับจำเลยทั้งสองเท่านั้นโจทก์ทั้งสองไม่มีนิติสัมพันธ์กับบุคคลภายนอก เมื่อสัญญานายหน้าเพื่อบุคคลภายนอกแล้ว จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดในฐานะผู้ว่าจ้างนั้น ได้ความจากทางนำสืบของโจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสองว่า การที่โจทก์ที่ 2 จำเลยที่ 2 และบุคคลอื่น ๆ เข้าร่วมกันเป็นนายหน้า มิได้มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรโจทก์ทั้งสองมีตัวโจทก์ที่ 2 เบิกความว่า จำเลยทั้งสองได้ติดต่อให้โจทก์เป็นนายหน้าในการติดต่อประสานงานกับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย โดยโจทก์มีหน้าที่ในการติดต่อประสานงานหาข้อมูลและปฏิบัติการตามวิธีการที่นายหน้าพึงกระทำโจทก์ทั้งสองมอบหมายให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้ออกหน้าในการรับค่านายหน้าจำเลยทั้งสองได้พาโจทก์ไปพบกับกลุ่มบริษัทฮิตาชิและตัวแทนของกลุ่มบริษัทดังกล่าวหลายครั้ง จำเลยทั้งสองและโจทก์ทั้งสองตกลงแบ่งค่านายหน้ากัน โดยในยอดค่านายหน้าที่กลุ่มนายหน้าได้รับมาในอัตราร้อยละ 1 ของมูลค่าจ้างนั้น จะแบ่งให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 70 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 30 นั้นเป็นสิทธิของจำเลยที่จะได้รับเห็นว่า ลักษณะการทำงานและการแบ่งผลประโยชน์กันของกลุ่มนายหน้าตามคำเบิกความของโจทก์ที่ 2ดังกล่าว เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำงานในลักษณะการเป็นหุ้นส่วนกันทั้งผลประโยชน์ที่จะได้จากการทำการเป็นนายหน้าก็ตกลงเป็นอัตราส่วนของยอดเงินที่ได้รับมา แม้โจทก์ที่ 2 จะไม่มีนิติสัมพันธ์กับบุคคลภายนอก ข้อเท็จจริงก็รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ว่าจ้างโจทก์ที่ 2 ให้ทำการเป็นนายหน้าดังที่โจทก์ทั้งสองฎีกา จำเลยที่ 2จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 2 ในฐานะผู้ว่าจ้าง
สำหรับส่วนแบ่งค่านายหน้านั้น โจทก์ทั้งสองนำสืบโดยมีโจทก์ที่ 2 เบิกความถึงมูลค่าในสัญญาแต่ละฉบับ และเบิกความว่าสัญญาฉบับที่ 1 ถึงฉบับที่ 3 จำเลยที่ 2 ชำระค่านายหน้าให้โจทก์ทั้งสองในอัตราร้อยละ 70 ของยอดเงินร้อยละ 1 ของมูลค่าตามสัญญาที่ลงนามในครั้งแรกแล้ว แต่ค่านายหน้าตามสัญญาเปลี่ยนแปลงเนื้องาน โจทก์ยังมิได้รับชำระจากจำเลยที่ 2ส่วนสัญญาฉบับที่ 4 และที่ 5 โจทก์ยังมิได้รับชำระส่วนแบ่งจากจำเลยที่ 2 เลย โดยที่โจทก์ทั้งสองมิได้นำสืบให้เห็นเลยว่าจำเลยที่ 2 ได้รับเงินค่านายหน้ามาแล้วเป็นจำนวนเท่าใดซึ่งเมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ว่าจ้างโจทก์ที่ 2ให้ทำการเป็นนายหน้าดังที่วินิจฉัยไว้ข้างต้น จำเลยที่ 2จึงต้องรับผิดชำระส่วนแบ่งค่านายหน้าให้โจทก์ที่ 2 ตามส่วนที่ตกลงจากยอดเงินที่จำเลยที่ 2 รับมาจากกลุ่มบริษัทฮิตาชิเท่านั้นหาใช่ต้องรับผิดชำระส่วนแบ่งจากยอดเงินร้อยละ 1 ของมูลค่าตามสัญญาไม่ ในเรื่องเงินส่วนแบ่งค่านายหน้านี้ จำเลยทั้งสองนำสืบโดยจำเลยที่ 2 เบิกความว่าหลังจากมีการแบ่งค่านายหน้ากันไปหลายครั้งแล้ว ต่อมาบริษัทฮิตาชิ เคเบิล จำกัด แจ้งว่าจะไม่จ่ายค่าตอบแทนให้กับกลุ่มนายหน้าอีกเพราะประสบกับปัญหาการขาดทุน ซึ่งจำเลยที่ 2 ได้แจ้งให้กลุ่มนายหน้าทราบแล้วบุคคลอื่น ๆ ที่ร่วมเป็นนายหน้าพอใจในค่านายหน้าที่ได้รับแล้วคงมีแต่โจทก์ที่ 2 ที่ต้องการให้จำเลยที่ 2 ฟ้องบริษัทฮิตาชิ เคเบิล จำกัด เรียกส่วนที่ยังขาด และจำเลยทั้งสองมีนายประทีป เจียรวานนท์ เบิกความว่านายประทีปร่วมเป็นนายหน้ากับโจทก์ที่ 2 และจำเลยที่ 2 เงินค่านายหน้าที่จำเลยที่ 2 รับมาจากบริษัทฮิตาชิ เคเบิล จำกัด มีการแบ่งกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เห็นว่านายประทีปเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นของโจทก์ที่ 1 เชื่อว่าน่าจะเบิกความไปตามความจริงข้อนำสืบของจำเลยทั้งสองจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า เงินค่านายหน้าที่จำเลยที่ 2 รับมาทั้งหมดมีการแบ่งให้กลุ่มนายหน้า ซึ่งรวมทั้งโจทก์ที่ 2 ครบถ้วนแล้วจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดชำระค่านายหน้าให้โจทก์ทั้งสองตามฟ้อง ฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share