คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถจักรยานยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำเลยให้การปฏิเสธแม้ในทางนำสืบของจำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ว่าไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายสาหัส แต่คำให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ของจำเลยมีผลเท่ากับจำเลยยกขึ้นต่อสู้ว่าไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายสาหัสด้วยแล้ว ถือว่าจำเลยได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นต่อสู้ จึงเป็นข้อที่จำเลยได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต้องวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157 เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และจำเลยก็ให้การต่อสู้ว่าบุคคลดังกล่าวมิได้รับอันตรายสาหัสการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าที่จำเลยอุทธรณ์ว่าบุคคลดังกล่าวมิได้รับอันตรายสาหัส จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและไม่รับวินิจฉัย เป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถจักรยานยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำเลยให้การปฏิเสธแม้ในทางนำสืบของจำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ว่าไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายสาหัสแต่คำให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ของจำเลยมีผลเท่ากับจำเลยยกขึ้นต่อสู้ว่า ไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายสาหัสด้วยแล้ว ถือว่าจำเลยได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นต่อสู้ จึงเป็นข้อที่จำเลยได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยให้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
ในปัญหาที่ว่า การกระทำโดยประมาทของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปทีเดียวสำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บในคดีนี้ได้แก่นางสำราญ กระจ่าง ซึ่งโดยสารมาในรถคันที่นายประทีปขับและได้รับบาดเจ็บมากกว่าผู้อื่นนางสำราญเบิกความว่า พยานได้รับบาดเจ็บกระดูกเชิงกรานร้าว โหนกแก้มด้านซ้ายกระแทกกับประตูรถ พยานรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน จังหวัดชลบุรี แล้วมาทำการรักษาตัวอยู่ที่บ้าน 45 วัน จึงหายจากคำเบิกความของนางสำราญดังกล่าว แสดงว่านางสำราญประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เป็นเวลาเกินกว่า 20 วัน ถือได้ว่านางสำราญได้รับอันตรายสาหัส เมื่อนางสำราญได้รับอันตรายสาหัสจำเลยก็ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share