คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ทั้งสองอ้างเหตุว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ทั้งสองจำเลยที่ 2 ไม่ใช่ผู้ขนส่งสินค้ารายพิพาทร่วมกับจำเลยที่ 1โจทก์ทั้งสองใช้สิทธิโดยไม่สุจริตนำความเท็จมาฟ้องจำเลยที่ 2 ทำให้จำเลยที่ 2 ได้รับความเสียหาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ค่าใช้จ่ายในด้านการตลาดค่าจ้างทนายความ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในศาลอีก จึงเป็นกรณีที่จำเลยที่ 2 กล่าวอ้างใช้สิทธิทางศาลอันเนื่องมาจากการที่โจทก์ทั้งสองกระทำละเมิดต่อจำเลยที่ 2 เพราะโจทก์ทั้งสองใช้สิทธิโดยไม่สุจริตเอาความเท็จมาฟ้องต่อศาลฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงเป็นฟ้องแย้งที่อาศัยเหตุแห่งการฟ้องของโจทก์ทั้งสองมาเป็นข้อกล่าวอ้างซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องเดิมฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539มาตรา 26

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 24,817.56 ดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันดำเนินการรับขนของและขนส่งทางทะเลสินค้าเสื้อผ้าจากโจทก์ทั้งสองไปยังบริษัททรัฟฟ์ ฮิวน์ อิงค์ (Ruff Hewn Inc.) ผู้ซื้อสินค้าที่เมืองนอร์ธ คาโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนำบรรทุกลงเรือปาณิภูมิ วี.575 และเรือปาณิภูมิ วี.585 ของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 ได้ออกใบตราส่งให้แก่โจทก์ทั้งสองเป็นหลักฐานเมื่อสินค้าถึงปลายทาง จำเลยทั้งสองได้ทำการปล่อยสินค้าและส่งมอบให้แก่ผู้รับสินค้า โดยมิได้เรียกให้ผู้รับสินค้าเวนคืนใบตราส่ง เป็นเหตุให้บริษัทกรีนม่า จำกัด ผู้สั่งซื้อสินค้าเสื้อผ้าไปจากโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ผลิตไม่สามารถรับเงินค่าสินค้าจากธนาคารตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตได้ บริษัทกรีนม่า จำกัด จึงไม่ได้ชำระเงินค่าสินค้าให้แก่โจทก์ทั้งสอง ทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธความรับผิด และฟ้องแย้งว่า โจทก์ทั้งสองจงใจนำความอันเป็นเท็จมาฟ้องจำเลยที่ 2 ทำให้จำเลยที่ 2 ได้รับความเสียหาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการส่งพนักงานของจำเลยที่ 2 ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ต่างประเทศ จำนวน 200,000 บาท ค่าใช้จ่ายในด้านการตลาดเนื่องจากต้องไปชี้แจงข้อเท็จจริงให้ลูกค้าของจำเลยที่ 2 ทราบว่าจำเลยที่ 2 มิได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้จำนวน 100,000 บาท และค่าจ้างทนายความรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในศาลจำนวน 100,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 400,000 บาท ขอให้ยกฟ้องในส่วนจำเลยที่ 2 และขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลยที่ 2
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งรับคำให้การจำเลยที่ 2 ส่วนฟ้องแย้งไม่รับ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 มีว่า ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ทั้งสองอ้างเหตุว่า จำเลยที่ 2 ไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ 2 ไม่ใช่ผู้ขนส่งสินค้ารายพิพาทร่วมกับจำเลยที่ 1 โจทก์ทั้งสองใช้สิทธิโดยไม่สุจริตนำความเท็จมาฟ้องจำเลยที่ 2 ทำให้จำเลยที่ 2 ได้รับความเสียหาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ค่าใช้จ่ายในด้านการตลาด ค่าจ้างทนายความ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในศาลอีกจึงเป็นกรณีที่จำเลยที่ 2 กล่าวอ้างใช้สิทธิทางศาลอันเนื่องมาจากการที่โจทก์ทั้งสองกระทำละเมิดต่อจำเลยที่ 2 เพราะโจทก์ทั้งสองใช้สิทธิโดยไม่สุจริตเอาความเท็จมาฟ้องต่อศาลฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2จึงเห็นฟ้องแย้งที่อาศัยเหตุแห่งการฟ้องของโจทก์ทั้งสองมาเป็นข้อกล่าวอ้างซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539มาตรา 26 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 นั้น ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share