แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ทนายจำเลยได้ลงชื่อรับทราบให้มาฟังคำสั่งศาลภายใน 7 วัน หากไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งศาลแล้ว กรณีถือได้ว่าทนายจำเลยทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องคดีนี้และทราบกำหนด วันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว จึงต้องถือว่าจำเลยทราบนัดด้วย เพราะทนายจำเลยทำหน้าที่แทนจำเลยตามกฎหมาย จำเลยทราบวันนัดสืบพยาน โจทก์ซึ่งมีหน้าที่ นำสืบก่อนโดยชอบแล้วการที่จำเลยอ้างว่าทนายจำเลยเจ็บป่วย แพทย์ให้พักรักษาตัวนั้น หากทนายจำเลยเจ็บป่วยจริงแล้วจำเลยหรือทนายจำเลยอาจยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีหรือ แจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่อาจมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ต่อ ศาลชั้นต้นได้ก่อนหรือในวันนัด หรือจะมอบหมายให้ผู้ใด มาทำการแทนก็ได้ แต่จำเลยหรือทนายจำเลยหาได้กระทำไม่ แสดงว่าจำเลยรวมทั้งทนายจำเลยไม่ได้เอาใจใส่ในคดี ของตนเอง ทั้งเหตุตามคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลย ที่อ้างว่าจำเลยต้องนำสินค้าไปจำหน่ายในต่างจังหวัด จึงไม่ทราบเรื่องวันนัดสืบพยานโจทก์ก็ดี และว่าแม้จำเลยจะได้ตั้งทนายจำเลยให้แก้ต่างให้แล้ว แต่ทนายจำเลยไม่ได้ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ เนื่องจากทนายจำเลยป่วยต้องผ่าตัดต้อกระจกนัยตาข้างซ้ายก็ดี ย่อมเป็นการฟังได้ชัดแจ้งในตัว คำร้องเองว่า หากเป็นจริงตามคำร้องแล้วก็ยังฟังได้ว่าจำเลย รวมทั้งทนายจำเลยทราบวันนัดสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้วและจงใจไม่ไปศาลตามกำหนดนัดโดยมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลชั้นต้นทราบ ถือได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณาอยู่นั่นเอง และกรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจสั่งยกคำร้องของจำเลยเสียได้ โดยหาจำเป็นต้องทำการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยก่อนมีคำสั่งไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันชำระเงินจำนวน 2,450,116 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 21 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 1,994,012 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยทั้งเจ็ดไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งเจ็ดชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยทั้งเจ็ดให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยทั้งเจ็ดขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ 2,186,251 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน1,994,012 บาท นับแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2539 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยทั้งเจ็ดไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 18727 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์หากไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งเจ็ดออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยทั้งเจ็ดยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยทั้งเจ็ด โดยไม่ไต่สวนโดยให้เหตุผลว่าจำเลยทั้งเจ็ดได้ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2540 โดยทนายจำเลยทั้งเจ็ดลงชื่อท้ายข้อความว่าจะมาฟังคำสั่งภายใน 7 วัน หากไม่มาถือว่าทราบคำสั่งแล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งในคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การว่าสำเนาให้โจทก์รอสั่งวันนัด จึงถือว่าทนายจำเลยทั้งเจ็ดทราบคำสั่งในคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การและทราบวันนัดสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้ว ทั้งเจ้าหน้าที่ส่งหมายได้ส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยทั้งเจ็ดทราบด้วยแล้วการที่จำเลยทั้งเจ็ดกล่าวอ้างว่าไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ในคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ลอย ๆ ว่าไม่ทราบวันนัด และทนายจำเลยทั้งเจ็ดป่วยไม่สามารถมาศาลได้นั้น ขาดเหตุผลไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ทั้งหากแม้ทนายจำเลยทั้งเจ็ดป่วยจริงก็สามารถแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลให้ศาลทราบได้แต่ก็มิได้แจ้งพฤติการณ์ของจำเลยทั้งเจ็ดจึงเป็นการจงใจขาดนัดพิจารณาให้ยกคำร้อง ของจำเลยทั้งเจ็ดเสีย
โจทก์อุทธรณ์
จำเลยทั้งเจ็ดอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งเจ็ดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งเจ็ดเพียงประการเดียวว่า ที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยทั้งเจ็ดโดยไม่ได้ไต่สวนก่อนชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2540 ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งเจ็ดขาดนัดยื่นคำให้การศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งเจ็ดไม่ยื่นคำให้การในกำหนดจึงมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งเจ็ดขาดนัดยื่นคำให้การ ให้นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 17 ตุลาคม 2540 เวลา 9.00 นาฬิกา ตามที่โจทก์ขอและให้หมายแจ้งวันนัดให้จำเลยทั้งเจ็ดทราบไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมายซึ่งโจทก์ได้นำส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทั้งเจ็ดทราบนัดแล้วโดยวิธีปิดหมายตามคำสั่งศาลชั้นต้น ต่อมาวันที่ 15 กันยายน 2540 ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยทั้งเจ็ดได้แต่งตั้งทนายจำเลยทั้งเจ็ดยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การต่อศาลชั้นต้นพร้อมยื่นคำให้การของจำเลยทั้งเจ็ดมาด้วย ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอยื่นคำให้การและคำให้การของจำเลยทั้งเจ็ดว่า สำเนาให้โจทก์รอสั่งวันนัด โดยทนายจำเลยทั้งเจ็ดได้ลงชื่อรับทราบให้มาฟังคำสั่งศาลภายใน 7 วัน หากไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งศาลแล้วในวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยทั้งเจ็ดยื่นคำให้การ และเห็นว่าคดีมีประเด็นข้อพิพาทไม่ยุ่งยากจึงให้งดชี้สองสถาน และให้โจทก์นำพยานเข้าสืบเห็นว่าการที่ทนายจำเลยทั้งเจ็ดได้ลงชื่อรับทราบให้มาฟังคำสั่งศาลภายใน 7 วัน หากไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งศาลแล้ว กรณีถือได้ว่าทนายจำเลยทั้งเจ็ดทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องคดีนี้และทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว จึงต้องถือว่าจำเลยทั้งเจ็ดทราบนัดด้วยเพราะทนายจำเลยทั้งเจ็ดทำหน้าที่แทนจำเลยทั้งเจ็ดตามกฎหมายข้ออ้างของจำเลยทั้งเจ็ดที่ว่าไม่ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์นั้นจึงฟังไม่ขึ้น ส่วนที่อ้างว่าทนายจำเลยทั้งเจ็ดเจ็บป่วย แพทย์ให้พักรักษาตัวตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม ถึงวันที่ 22 ตุลาคม 2540 นั้น เห็นว่า หากทนายจำเลยทั้งเจ็ดเจ็บป่วยจริงแล้ว จำเลยทั้งเจ็ดหรือทนายจำเลยทั้งเจ็ดอาจยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่อาจมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ต่อศาลชั้นต้นได้ก่อนหรือในวันนัด ทั้งจะมอบหมายให้ผู้ใดมาทำการแทนก็ได้ แต่จำเลยทั้งเจ็ดหรือทนายจำเลยทั้งเจ็ดหาได้กระทำไม่ แสดงว่าจำเลยทั้งเจ็ดรวมทั้งทนายจำเลยทั้งเจ็ดไม่ได้เอาใบใส่ในคดีของตนเอง ทั้งเหตุตามคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยทั้งเจ็ดที่อ้างว่าจำเลยทั้งเจ็ดต้องนำสินค้าไปจำหน่ายในต่างจังหวัด จึงไม่ทราบเรื่องวันนัดสืบพยานโจทก์ก็ดี และว่าแม้จำเลยทั้งเจ็ดจะได้ตั้งทนายจำเลยให้แก้ต่างให้แล้ว แต่ทนายจำเลยทั้งเจ็ดไม่ได้ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ เนื่องจากป่วยต้องผ่าตัดต้อกระจกนัยตาข้างซ้ายก็ดี ย่อมเป็นการฟังได้ชัดแจ้งในตัวคำร้องเองว่า หากเป็นจริงตามคำร้องแล้วก็ยังฟังได้ว่าจำเลยทั้งเจ็ดรวมทั้งทนายจำเลยทั้งเจ็ดทราบวันนัดสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้ว และจงใจไม่ไปศาลตามกำหนดนัดโดยมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลชั้นต้นทราบถือได้ว่าจำเลยทั้งเจ็ดจงใจขาดนัดพิจารณาอยู่นั่นเอง และกรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นหาจำเป็นต้องทำการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยทั้งเจ็ดก่อนมีคำสั่งไม่
พิพากษายืน