แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ระหว่างโจทก์ดำเนินการก่อสร้างทำนบดินอ่างเก็บน้ำตามสัญญาจำเลยอ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาและได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญา โดยมิได้เสนอข้อขัดแย้งหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยก่อนตามสัญญา ส่วนโจทก์เมื่อเห็นว่าตนเองทำงานแล้วเสร็จตามสัญญา แต่จำเลยผิดสัญญาไม่ตรวจรับงานและไม่ชำระเงินค่าจ้าง โจทก์ก็นำคดีมาฟ้องโดยไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญาดังกล่าวก่อนเช่นกันและเมื่อถูกฟ้องแล้วจำเลยก็ไม่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นก่อนวันนัดสืบพยานให้มีคำสั่งจำหน่ายคดีเพื่อให้คู่สัญญาดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการก่อนตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 10 พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าโจทก์และจำเลยสละผลบังคับตามสัญญาดังกล่าวโดยปริยายแล้ว จำเลยจึงหาอาจยกเอาข้อสัญญาดังกล่าวมาบังคับให้โจทก์ ปฏิบัติอีกได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมีฐานะเป็นกรม มีจำเลยที่ 2 เป็นอธิบดี จำเลยที่ 3 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 5 เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 4 ถึงที่ 6 เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 3 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2532 จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 ทำสัญญาจ้างเหมา โจทก์ก่อสร้างทำนบดินอ่างเก็บน้ำหนองห้วยบ่อ บ้านไม้กลอน ตำบลไม้กลอน อำเภอพนา จังหวัดอุบลราชธานี ตกลงค่าจ้างจำนวน 699,000 บาท มีจำเลยที่ 4 ถึงที่ 6 เป็นกรรมการตรวจรับงาน โจทก์ทำงานเสร็จแล้วแต่จำเลยทั้งหกไม่ยอมตรวจรับงานขอให้บังคับจำเลยทั้งหกร่วมกันชำระเงินจำนวน 712,106 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 699,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งหกให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะมิได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการเพื่อวินิจฉัยก่อน โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยที่ 2ถึงที่ 6 กระทำตามอำนาจหน้าที่จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างสืบพยานฝ่ายจำเลย ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงงดสืบพยานจำเลยแล้ววินิจฉัยว่า ภายหลังมีกรณีพิพาทเกิดขึ้นไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เสนอข้อขัดแย้งต่อหัวหน้าหน่วยราชการของจำเลยที่ 1 หรือเสนอให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยตามข้อตกลงในสัญญา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่เสนอข้อขัดแย้งหรือข้อพิพาทต่อหัวหน้าหน่วยราชการหรือเสนอให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยตามข้อตกลงในสัญญานั้นเห็นว่า ระหว่างโจทก์ดำเนินการก่อสร้างทำนบดินอ่างเก็บน้ำห้วยหนองบ่อตามสัญญา จำเลยที่ 1 อ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาและได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญา ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2534โดยมิได้เสนอข้อขัดแย้งหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยก่อนตามสัญญาจ้างเหมา ข้อ 19 ส่วนโจทก์เมื่อเห็นว่าตนเองทำงานแล้วเสร็จตามสัญญา แต่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ตรวจรับงานและไม่ชำระเงินค่าจ้าง ก็นำคดีมาฟ้องโดยไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อ 19 ก่อนเช่นกัน และเมื่อถูกฟ้องแล้วจำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นก่อนวันสืบพยานให้มีคำสั่งจำหน่ายคดีเพื่อให้คู่สัญญาดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการก่อนตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 10พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 สละผลบังคับตามสัญญาข้อ 19 โดยปริยายแล้ว จำเลยที่ 1 หาอาจยกเอาข้อสัญญาดังกล่าวมาบังคับให้โจทก์ปฏิบัติอีกได้ไม่
พิพากษายืน