แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกู้เงินไปจากโจทก์ตามสัญญากู้ฉบับพิพาทต่อมาการที่โจทก์ยอมรับเช็คซึ่งบริษัทน. เป็นผู้สั่งจ่ายเป็นการที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ยอมรับการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ด้วยเงินสด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคแรก และเมื่อปรากฏว่าเช็คฉบับดังกล่าวไม่อาจเรียกเก็บเงินได้ โจทก์ได้ฟ้องผู้สั่งจ่ายและได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์ยอมให้ผู้สั่งจ่ายผ่อนชำระ ซึ่งมีผลให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์เกี่ยวกับเช็คฉบับดังกล่าวระงับสิ้นไป โจทก์ได้สิทธิใหม่ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีผลเท่ากับว่าเช็คได้ใช้เงินแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคท้ายเมื่อหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้ฉบับพิพาทจำนวน 600,000 บาทเป็นส่วนหนึ่งของหนี้ในเช็คจำนวน 1,700,000 บาทซึ่งได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้วหนี้ตามสัญญากู้ฉบับพิพาทจึงย่อมระงับสิ้นไปด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2531 จำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปจำนวน 600,000 บาท ตกลงให้ดอกเบี้ยโจทก์อัตราร้อยละ 15 ต่อปี และกำหนดชำระคืนในวันที่8 มิถุนายน 2532 จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์บางส่วนแล้วเป็นเงิน 108,000 บาท เมื่อครบกำหนดชำระเงินจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนโจทก์ จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องจำนวน1,105,250 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน600,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้กู้ยืมเงินไปจากโจทก์จำนวน 600,000 บาท จริงตามฟ้อง จำเลยได้ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้โจทก์ครบถ้วนตามสัญญาแล้ว แต่โจทก์ไม่คืนสัญญากู้ยืมให้จำเลย โดยโจทก์อ้างว่าหาสัญญาไม่พบแล้วโจทก์กลับนำเอาสัญญากู้มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ หลังจากจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์ครบแล้ว โจทก์ได้นำเงิน 1,700,000 บาท มอบให้จำเลยช่วยปล่อยกู้ให้จำเลยได้จัดการให้บริษัทนากรานีเทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ใช้เช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาสำเพ็ง ฉบับเลขที่ 2935844แลกเงินสดไปจากโจทก์จำนวน 1,700,000 บาท ต่อมาโจทก์ได้ฟ้องบริษัทนากรานีเทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัดต่อศาลแพ่งธนบุรี ขอให้บังคับชำระเงินตามเช็คฉบับดังกล่าวโจทก์และบริษัทนากรานีเทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยบริษัทนากรานีเทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้ยินยอมชำระเงินตามเช็คให้โจทก์ ศาลได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้แล้ว หากศาลฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กู้เงินไปจากโจทก์หลายครั้งรวมเป็นเงินจำนวน 1,700,000 บาท และหนี้ตามฟ้องคดีนี้เป็นหนี้ส่วนหนึ่งของหนี้จำนวน 1,700,000 บาท แล้วจำเลยก็ขอต่อสู้ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิฟ้องบริษัทนากรานีเทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ไปแล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับเอาจากจำเลยอีก หนี้ตามฟ้องได้มีการเปลี่ยนตัวลูกหนี้แล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 600,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาข้อแรกว่า การที่โจทก์ยอมรับเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาสำเพ็ง จำนวน 1,700,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.8 ไม่มีผลทำให้หนี้เงินกู้จำนวน 600,000 บาท ตามสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ระงับไป เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสามถือว่าหนี้จะระงับไปต่อเมื่อเช็คสามารถเรียกเก็บเงินตามเช็คได้เมื่อเช็คเอกสารหมาย จ.8 ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้และโจทก์ได้ฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็คและทำสัญญาประนีประนอมยอมความก็มีผลทำให้หนี้ระหว่างโจทก์กับผู้สั่งจ่ายระงับไปเท่านั้น ไม่มีผลทำให้หนี้ตามสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ระงับสิ้นไป เห็นว่าการที่โจทก์ยอมรับเช็คเอกสารหมาย จ.8 ซึ่งบริษัทนากรานีเทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้สั่งจ่ายเป็นการที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ยอมรับการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ด้วยเงินสด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 321 วรรคแรก และเมื่อปรากฏว่าเช็คฉบับดังกล่าวไม่อาจเรียกเก็บเงินได้ โจทก์ได้ฟ้องผู้สั่งจ่ายและได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยโจทก์ยอมให้ผู้สั่งจ่ายผ่อนชำระ ซึ่งมีผลให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์เกี่ยวกับเช็คฉบับดังกล่าวระงับสิ้นไป โจทก์ได้สิทธิใหม่ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งมีผลเท่ากับว่าเช็ค เอกสารหมาย จ.8 ได้ใช้เงินแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 321 วรรคท้าย ดังนั้น หนี้เงินกู้จำนวน 600,000 บาทตามสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 เป็นส่วนหนึ่งของหนี้ในเช็คจำนวน1,700,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.8 ซึ่งได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้วหนี้ดังกล่าวจึงย่อมระงับสิ้นไปด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคแรก
พิพากษายืน