คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5889/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำฟ้องและคำขอแก้ไขคำฟ้องเดิมของโจทก์ สภาพแห่งข้อหา คือ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกค้าของโจทก์ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 และบุคคลอื่นเข้าหุ้นกัน มีลักษณะเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ไม่จดทะเบียน จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขอเปิดบัญชีทดรองจ่ายเงิน เพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเงินสดตามบัญชีทดรองจ่าย เลขที่ 1146555-1 โดยมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 เป็นผู้ค้ำประกัน รับผิดร่วมหรือยินยอมชำระหนี้สินแทนทุกประเภทของจำเลยที่ 1 นอกจากนี้สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ยังฟ้องเน้นหนัก ถึงความรับผิดของจำเลยที่ 1 ที่จะต้องรับผิดแก่โจทก์โดยการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้มอบอำนาจ ให้จำเลยที่ 2 และ/ หรือจำเลยที่ 3 เป็นผู้มีอำนาจสั่งให้โจทก์ดำเนินการซื้อขายหลักทรัพย์ตามบัญชีทดรองจ่ายของจำเลยที่ 1ต่อมาจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้สั่งให้โจทก์ซื้อหลักทรัพย์ (หุ้น) การที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องครั้งที่ 2โดยเพิ่มข้อความว่าระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2535ถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2535 กับระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 2535 ถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2535 จำเลยที่ 2 ได้สั่งให้โจทก์ซื้อหุ้นของสามบริษัท ตามบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เลขที่ 1146888-1 ของจำเลยที่ 2 และเมื่อวันที่ 11กันยายน 2535 จำเลยที่ 3 ได้ทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 2 โดยค้ำประกันเต็มมูลหนี้และยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ส่วนบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เลขที่ 1146012-1ของจำเลยที่ 3 นั้น วันที่ 5 พฤศจิกายน 2535 จำเลยที่ 3สั่งซื้อหุ้นโดยมีจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 3 ดังนี้ ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแห่งคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องครั้งที่ 2 นี้จึงไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 ถึงที่ 8ตามที่โจทก์ตั้งฟ้องมา และข้อหาของโจทก์ตามคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องครั้งที่ 2 จะขอบังคับให้จำเลยที่ 1กับจำเลยที่ 4 ถึงที่ 8 ต้องร่วมรับผิดไม่ได้ ทั้งมีผลทำให้ประเด็นแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป การกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ตามบัญชีซื้อขายหุ้นดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญกับจำเลยอื่น ๆ เห็นได้ประจักษ์ว่าความเป็นลูกหนี้ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และความรับผิดเต็มตามมูลหนี้ในบัญชี ซื้อขายหลักทรัพย์เลขที่ 1146888-1 ของจำเลยที่ 2 กับหนี้ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เลขที่ 1146012-1 ของจำเลยที่ 3เป็นจำนวนหนี้นอกเหนือจากสัญญาขอเปิดบัญชีทดรองจ่ายเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเงินสดที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 8ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ ข้อความที่ขอแก้ไขคำฟ้องครั้งที่ 2 จึงไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมและไม่ใช่การเพิ่มเติมข้อเท็จจริงในฟ้องเดิมให้สมบูรณ์ย่อมไม่อาจรวมการพิจารณาด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งแปดร่วมกันหรือแทนกันชำระหนี้แก่โจทก์ 52,440,987.96 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 24 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 42,561,951 บาทนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้นำน.ส.3 ก. เลขที่ 3797 และ 3798 เลขที่ดิน 302 และ 303 ตำบลท่าช้างอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ของจำเลยที่ 3 ที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินที่เหลือจากการชำระหนี้จำนองมาชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้โจทก์ให้ยึดทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยทั้งแปดออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้จนครบ
ระหว่างพิจารณาก่อนชี้สองสถาน โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้อง2 ฉบับ ฉบับแรกลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2540 ฉบับที่สองลงวันที่ 20กุมภาพันธ์ 2540 จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8 คัดค้านว่าการขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาเข้าด้วยกันได้ และเป็นการเพิ่มเติมฟ้องโดยยกข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่มิใช่เป็นการเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้สมบูรณ์ การแก้ไขคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำร้องขอแก้ไขคำฟ้องครั้งแรกเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีเข้าด้วยกันได้อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้ ส่วนที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องครั้งที่ 2เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2540 นั้นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมและไม่อาจจะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเข้าด้วยกันได้จึงไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้อง ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า คำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ครั้งที่ 2 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2540 เป็นการขอเพิ่มเติมฟ้องให้บริบูรณ์และเกี่ยวกับฟ้องเดิมหรือไม่ เห็นว่าเดิมโจทก์ฟ้องและขอแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2535จำเลยทั้งแปดเป็นลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทโจทก์ สาขาหาดใหญ่ โดยจำเลยทั้งแปดกับพวกได้ร่วมกันลงทุนเป็นหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน จำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือขอเปิดบัญชีทดรองจ่ายเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเงินสดและขอให้โจทก์ออกเงินทดรองจ่ายในการสั่งซื้อหลักทรัพย์โดยไม่จำกัดวงเงิน โจทก์ได้อนุมัติให้จำเลยที่ 1 ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ได้ในบัญชีเงินทดรองจ่ายเลขที่ 1146555-1 โดยจำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 และ/หรือจำเลยที่ 3 เป็นผู้มีอำนาจสั่งโจทก์ให้ดำเนินการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 ยังได้ตกลงทำสัญญาค้ำประกันหนี้สินทุกประเภทของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 สัญญาว่า หากจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ชำระหนี้โจทก์ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 ยินยอมชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น จำเลยที่ 3 นำที่ดินมาจดทะเบียนจำนองเป็นประกัน ทั้งโจทก์ได้บรรยายฟ้องต่อไปด้วยว่า วันที่ 2 ตุลาคม 2535 ถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2535จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้สั่งให้โจทก์ซื้อหลักทรัพย์ดังนี้คำฟ้องและคำขอแก้ไขคำฟ้อง สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ คือ จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นลูกค้าของโจทก์ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 และบุคคลอื่นเข้าหุ้นกัน มีลักษณะเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน จำเลยที่ 1เป็นผู้ขอเปิดบัญชีทดรองจ่ายเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเงินสดตามบัญชีทดรองจ่ายเลขที่ 1146555-1 โดยมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8เป็นผู้ค้ำประกันรับผิดร่วมหรือยินยอมชำระหนี้สินแทนทุกประเภทของจำเลยที่ 1 นอกจากนี้สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ยังฟ้องเน้นหนักถึงความรับผิดของจำเลยที่ 1 ที่จะต้องรับผิดแก่โจทก์ด้วยการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 และ/หรือจำเลยที่ 3 เป็นผู้มีอำนาจสั่งให้โจทก์ดำเนินการซื้อขายหลักทรัพย์ตามบัญชีทดรองจ่ายของจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2ได้สั่งให้โจทก์ซื้อหลักทรัพย์ (หุ้น) การที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องครั้งที่ 2 โดยเพิ่มข้อความว่า ระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2535ถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2535 กับระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 2535ถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2535 จำเลยที่ 2 ได้สั่งให้โจทก์ซื้อหุ้นของสามบริษัท ตามบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เลขที่ 1146888-1ของจำเลยที่ 2 และเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2535 จำเลยที่ 3ได้ทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 2 โดยค้ำประกันเต็มมูลหนี้และยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ส่วนบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เลขที่ 1146012-1 ของจำเลยที่ 3 นั้น วันที่ 5 พฤศจิกายน2535 จำเลยที่ 3 สั่งซื้อหุ้นโดยมีจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 3 ดังนี้ ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแห่งคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องครั้งที่ 2 นี้จึงไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 ถึงที่ 8 ตามที่โจทก์ตั้งฟ้องมาและข้อหาของโจทก์ตามคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องครั้งที่ 2 จะขอบังคับให้จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 4 ถึงที่ 8 ต้องร่วมรับผิดไม่ได้ทั้งมีผลทำให้ประเด็นแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป การกระทำของจำเลยที่ 2ที่ 3 ตามบัญชีซื้อขายหุ้นดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญกับจำเลยอื่น ๆ เห็นได้ประจักษ์ว่าความเป็นลูกหนี้ของจำเลยที่ 2ที่ 3 และความรับผิดเต็มตามมูลหนี้ ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เลขที่ 1146888-1 ของจำเลยที่ 2 กับหนี้ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เลขที่ 1146012-1 ของจำเลยที่ 3 เป็นจำนวนหนี้นอกเหนือจากสัญญาขอเปิดบัญชีทดรองจ่ายเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเงินสดที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ข้อความที่ขอแก้ไขคำฟ้องครั้งที่ 2 จึงไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมและไม่ใช่การเพิ่มเติมข้อเท็จจริงในฟ้องเดิมให้สมบูรณ์ไม่อาจรวมการพิจารณาด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179
พิพากษายืน

Share