คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3353/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพและโจทก์มิได้นำสืบพยาน ไม่อาจกล่าวได้ว่าจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐาน ย่อมมีเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้แก่จำเลย คนต่างด้าวที่จำเลยให้ความช่วยเหลือเป็นผู้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายและมีจำนวนมากถึง 10 คน ย่อมยาก แก่การควบคุมดูแลตลอดจนสืบหาติดตามตัวทำให้เกิดปัญหา แก่สังคมโดยส่วนรวมและก่อให้เกิดปัญหาแรงงานกระทบกระเทือน ต่อเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ การที่จำเลยมีอายุถึง 52 ปี ทั้งยังเป็นผู้จัดการสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ย่อมมีความรู้ความเข้าใจต่อปัญหาสังคมและเศรษฐกิจว่า การกระทำของจำเลยเกิดผลเสียต่อส่วนรวมได้ ที่จำเลยอ้างว่า กระทำไปโดยขาดความรู้ความเข้าใจในตัวบทกฎหมายย่อมไม่มีเหตุผล จึงไม่สมควรรอการลงโทษแก่จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยให้ที่พักอาศัย ช่วยซ่อนเร้นแก่นายกาย คนต่างด้าวเชื้อชาติพม่าและสัญชาติพม่าซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้ผู้มีชื่อดังกล่าวมาเหล่านั้นพ้นจากการจับกุม โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าคนเหล่านั้นเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64 (ที่ถูก 64 วรรคหนึ่ง) ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 10,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นและไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่าสมควรไม่ลดโทษแก่จำเลยแต่ให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นและไม่รอการลงโทษแก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยรับสารภาพและโจทก์มิได้สืบพยานจึงไม่อาจกล่าวได้ว่าโจทก์มีพยานหลักฐานเป็นอย่างไรและจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานเช่นว่านั้น แต่คำรับสารภาพย่อมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 สมควรลดโทษให้แก่จำเลย ส่วนสมควรลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นหรือไม่นั้นจำเลยเป็นผู้ให้ที่พักอาศัย ช่วยซ่อนเร้นและช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวเชื้อชาติพม่าสัญชาติพม่าที่ดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ชอบเพื่อให้พ้นจากการจับกุมโดยไม่ปรากฏว่าคนต่างด้าวเหล่านั้นเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อก่ออันตรายต่อประเทศหรือต่อบุคคลอย่างใดอย่างหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 กำหนดโทษจำคุกไว้ 6 เดือนปรับ 20,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือนปรับ 10,000 บาท สำหรับโทษจำคุกเหมาะสมแก่รูปคดีแล้วไม่มีเหตุลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น สำหรับปัญหาสุดท้ายว่าสมควรรอการลงโทษแก่จำเลยหรือไม่นั้น เห็นว่า คนต่างด้าวที่จำเลยให้ที่พักอาศัยช่วยซ่อนเร้นและช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้พ้นการถูกจับมีจำนวนมากถึง 10 คน นับว่ามีจำนวนมากพอสมควร แม้คนต่างด้าวเหล่านั้นไม่ปรากฏว่ามีความมุ่งหมายทำอันตรายต่อประเทศหรือต่อบุคคลใดก็ตาม แต่คนต่างด้าวเหล่านั้นย่อมจะไม่มีหนังสือหรือหลักฐานประจำตัวแสดงฐานะทั้งไม่อาจแจ้งที่อยู่ในทะเบียนบ้านให้ได้จึงไม่หลักฐานแสดงฐานะของบุคคลและหลักแหล่งที่อยู่อาศัยเป็นทางการยากแก่การควบคุมดูแลตลอดจนสืบหาติดตามตัวย่อมทำให้เกิดปัญหาแก่สังคมโดยส่วนรวมและก่อให้เกิดปัญหาแรงงานกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ จำเลยแก้ฎีกาว่ากระทำไปโดยขาดความรู้ความเข้าใจในตัวบทกฎหมายก็ไม่มีเหตุผลเพราะจำเลยมีอายุ 52 ปี แล้วทั้งยังเป็นผู้จัดการสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงย่อมจะมีความรู้ความเข้าใจต่อปัญหาสังคมและเศรษฐกิจว่าการกระทำของจำเลยเกิดผลเสียต่อส่วนรวมได้ ที่ศาลล่างทั้งสองรอการลงโทษแก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษแก่จำเลยและไม่ลงโทษปรับด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share