คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3183/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกของ ฉ. ให้ทายาท ต่อมาโจทก์ขอให้ศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีไปอายัดเงินฝากประจำของธนาคารซึ่งจำเลยเป็นผู้ฝาก การที่จำเลยร้องขอให้ถอนการบังคับคดีเพราะจำเลยได้จัดการแบ่งทรัพย์มรดกของ ฉ. คือรถยนต์ให้แก่ทายาทของ ฉ. ไปแล้วซึ่งหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้จัดการแบ่งทรัพย์มรดกส่วนที่ทายาทของ ฉ.พึงจะได้รับโดยรวมรถยนต์คันดังกล่าวด้วยจริง โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับคดีแก่จำเลย กรณีจึงจำเป็นต้องไต่สวนเพื่อให้ได้ความจริงดังกล่าวก่อน แม้จำเลยจะขอให้ถอนการบังคับคดีโดยมิได้ขอให้ทำการไต่สวน ศาลก็มีอำนาจสั่งให้ไต่สวนก่อนมีคำสั่งได้ การที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องของจำเลยโดยยังไม่ได้ทำการไต่สวนก่อนเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสามแบ่งทรัพย์มรดกของนายฉ้าย แซ่ลิ้ม ให้ทายาททุกคนคนละ 887,500 บาท โดยชำระเป็นเงินสดให้โจทก์และพี่น้องร่วมบิดามารดากับโจทก์อีก 9 คน เป็นเงินรวม 5,875,000 บาทต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยทั้งสามชำระเงินให้โจทก์แล้ว 8,497,502 บาท คงค้างอยู่อีก 377,498 บาท หลังจากนั้นจำเลยทั้งสามไม่ยอมชำระเงินที่ค้างให้ โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีไปอายัดเงินในบัญชีเงินฝากประจำของธนาคารซึ่งจำเลยที่ 1 และหรือนางสมพร แซ่แต้ เป็นผู้ฝาก
จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องว่า จำเลยทั้งสามแบ่งมรดกให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว โดยนายสงวน แซ่ลิ้ม ได้รับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ม-0719 นครศรีธรรมราช ราคา 110,000 บาทเท่าที่โจทก์ขอบังคับคดี ขอให้เพิกถอนการตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีและถอนอายัด
ศาลชั้นต้นเรียกนายสงวนและนายสถาพรมาสอบถามนายสถาพรรับว่าได้เงิน 267,498 บาท ไปเรียบร้อยแล้วส่วนนายสงวนแถลงว่ารถยนต์คันดังกล่าวอยู่ที่บ้านนายสงวนจริงแต่นายสงวนยังไม่ได้รับโอนและไม่ประสงค์ที่จะรับโอนรถยนต์คันดังกล่าว ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ฝ่ายที่เสียหายดำเนินการบังคับตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องว่านายสถาพรได้รับเงินไปแล้ว267,498 บาท และนายสงวนได้รับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียนม-0719 นครศรีธรรมราช ราคา 110,000 บาท ไปแล้ว เท่ากับว่าจำเลยที่ 2 ได้จัดการมรดกในส่วนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอให้ถอนการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ม-0719นครศรีธรรมราช ที่อยู่ในความครอบครองของนายสงวนยังมีข้อโต้แย้งกันเกี่ยวกับราคาของรถยนต์คันดังกล่าว จึงถือว่าการบังคับคดียังไม่เสร็จสิ้น ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่า จำเลยที่ 2ในฐานะผู้จัดการมรดกร่วมกับโจทก์ได้แบ่งรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ม-0719 นครศรีธรรมราช ราคา 110,000 บาท ให้แก่นายสงวน แซ่ลิ้ม ซึ่งเป็นทายาทของนายฉ้าย แซ่ลิ้มเจ้ามรดก ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2538 โดยนายสงวนยอมให้หักเงินค่ารถยนต์จำนวนดังกล่าวจากมรดกส่วนที่นายสงวนจะได้รับโดยโจทก์รู้เห็นอยู่ด้วย เมื่อมีการแบ่งมรดกในส่วนทรัพย์สินอื่นที่ยังมิได้แบ่งแก่ทายาทในโอกาสต่อไปก็ต้องคิดรวมกับทรัพย์ที่ได้รับแบ่งไปดังกล่าวแล้ว เมื่อนายสงวนได้รับการแบ่งรถยนต์คันดังกล่าวไปเป็นเวลาปีเศษนายสงวนจะกลับปฏิเสธไม่ยอมรับรถยนต์ในภายหลังอีกไม่ได้จึงขอให้มีคำสั่งให้ดำเนินการไต่สวนหรือถอนการบังคับคดีนั้น เห็นว่าจำเลยทั้งสามร้องขอให้ถอนการบังคับคดีเพราะจำเลยที่ 2ได้จัดการแบ่งทรัพย์มรดกของนายฉ้าย คือรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ม-0719 นครศรีธรรมราช ราคา 110,000 บาทให้แก่นายสงวนแล้ว และข้อเท็จจริงได้ความจากนายสงวนว่ารถยนต์คันดังกล่าวอยู่ที่บ้านนายสงวน แต่นายสงวนอ้างว่ายังไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์คันดังกล่าวและไม่ประสงค์จะรับโอนด้วยดังนั้นเหตุที่รถยนต์คันดังกล่าวอยู่ที่บ้านนายสงวนหรือไม่ยังไม่ได้ความแจ้งชัด หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2ได้จัดการแบ่งทรัพย์มรดกส่วนที่นายสงวนถึงจะได้รับโดยรวมรถยนต์คันดังกล่าวด้วย โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับคดีแก่จำเลยทั้งสาม จึงจำเป็นต้องไต่สวนเพื่อให้ได้ความจริงดังกล่าวก่อน แม้จำเลยทั้งสามจะขอให้ถอนการบังคับคดีโดยมิได้ขอให้ทำการไต่สวน ศาลเป็นเพราะจำเลยที่ 2 ได้จัดการแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่นายสงวน พึงจะได้รับโดยรวมรถยนต์คันดังกล่าวด้วย โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับคดีแก่จำเลยทั้งสาม จึงจำเป็นต้องไต่สวนเพื่อให้ได้ความจริงดังกล่าวก่อน แม้จำเลยทั้งสามจะขอให้ถอนการบังคับคดีโดยมิได้ขอให้ทำการไต่สวน ศาลก็มีอำนาจสั่งให้ไต่สวนก่อนมีคำสั่งได้
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนพยานจำเลยทั้งสามแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share