คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3074/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้แก่ธนาคารโดยมอบหมายให้จำเลยสั่งจ่ายเช็คเบิกเงินจากบัญชีดังกล่าวได้ด้วย ในขณะถึงแก่ความตายผู้ตายยังเป็นหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีแก่ธนาคารเจ้าหนี้แห่งนั้นอยู่จำนวนในยอดเงินกู้ที่ยังไม่เต็มวงเงิน หลังจากผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คเบิกเงินจากบัญชีกระแสรายวันไปเข้าบัญชีของจำเลย โดยโจทก์และทายาทอื่นซึ่งมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายไม่ทราบ แม้จะเป็นเหตุให้กองมรดกของผู้ตายต้องรับผิดชำระหนี้จำนวนดังกล่าวแก่ธนาคาร ผู้เป็นเจ้าหนี้ และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายก็ตาม แต่เงินตามจำนวนที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คเบิกไปจาก บัญชีกระแสรายวันที่ผู้ตายมีอยู่แก่ธนาคารเจ้าหนี้ไม่ใช่ทรัพย์สินของผู้ตายที่ผู้ตายมีอยู่ในขณะถึงแก่ความตายเงินจำนวนดังกล่าวจึงไม่ใช่มรดกของผู้ตาย แต่เป็นเงินของธนาคารเจ้าหนี้ที่ตกลงให้ผู้ตายทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้เท่านั้น เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีซึ่งเป็นเพียงบุคคลสิทธิก็ระงับหรือสิ้นสุดลง และนับแต่วันที่สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีระงับหรือนับแต่ วันที่ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยย่อมไม่มีสิทธิสั่งจ่ายเช็คเบิกเงินจากบัญชีกระแสรายวันในนามของผู้ตายอีก การที่ธนาคารเจ้าหนี้ไม่ทราบถึงการตายของผู้ตายจนทำให้กองมรดก ของ ม. ต้องรับผิดชำระหนี้จำนวนดังกล่าวแก่ธนาคารก็เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำไปโดยไม่มีอำนาจซึ่งจำเลยจะต้องรับผิด ในทางแพ่งต่อกองมรดกของผู้ตายเป็นการส่วนตัว การกระทำของ จำเลยในกรณีนี้จึงไม่มีความผิดทางอาญาฐานยักยอกมรดกของผู้ตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคหนึ่ง จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังยุติได้ว่านางมาลัยพรผู้ตายเป็นมารดาของโจทก์ทั้งสองและจำเลยนางมาลัยพรทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้แก่ธนาคารทหารไทยจำกัด สาขาสระบุรี วงเงิน 1,500,000 บาท โดยมอบหมายให้จำเลยสั่งจ่ายเช็คเบิกเงินจากบัญชีดังกล่าวได้ด้วย ในขณะถึงแก่ความตายนางมาลัยพรเป็นหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีแก่ธนาคารเจ้าหนี้แห่งนั้นอยู่จำนวน 916,759.16 บาท ซึ่งเป็นยอดเงินกู้ที่ยังไม่เต็มวงเงิน หลังจากนางมาลัยพรถึงแก่ความตายแล้วจำเลยได้สั่งจ่ายเช็คเบิกเงินจากบัญชีกระแสรายวันของนางมาลัยพรจำนวน 580,000 บาท ไปเข้าบัญชีของจำเลยเองโดยโจทก์ทั้งสองและทายาทของนางมาลัยพร คนอื่นไม่ทราบ เป็นเหตุให้กองมรดกของนางมาลัยพรต้องรับผิดชำระหนี้จำนวนดังกล่าวแก่ธนาคารผู้เป็นเจ้าหนี้ ทำให้โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกของนางมาลัยพรได้รับความเสียหาย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองว่า จำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์มรดกของนางมาลัยพรดังที่โจทก์ทั้งสองฟ้องหรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 มาตรา 1600 บัญญัติไว้ว่า”ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ กองมรดกของผู้ตายได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตายตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้วเป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้” เกี่ยวกับเงินจำนวน 580,000 บาทที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คเบิกไปจากบัญชีกระแสรายวันที่นางมาลัยพรมีอยู่แก่ธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาสระบุรี นำไปเข้าบัญชีของจำเลยเอง หลังจากนางมาลัยพรถึงแก่ความตายแล้วนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินของนางมาลัยพรที่นางมาลัยพรมีอยู่ในขณะถึงแก่ความตาย เงินจำนวนดังกล่าวจึงไม่ใช่มรดกของนางมาลัยพร หากแต่เป็นเงินของธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาสระบุรี ที่ตกลงให้นางมาลัยพรทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้เท่านั้น เพราะเมื่อนางมาลัยพรถึงแก่ความตาย สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีระหว่างธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาสระบุรี กับนางมาลัยพรซึ่งเป็นเพียงบุคคลสิทธิก็ระงับหรือสิ้นสุดลง และนับแต่วันที่สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีระงับหรือนับแต่วันที่นางมาลัยพรถึงแก่ความตาย จำเลยก็ไม่มีสิทธิสั่งจ่ายเช็คเบิกเงินจากบัญชีกระแสรายวันของนางมาลัยพรที่มีอยู่แก่ธนาคารทหารไทยจำกัด สาขาสระบุรี ในนามของนางมาลัยพรอีก การที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คเบิกเงินจำนวน 580,000 บาท จากบัญชีกระแสรายวันของนางมาลัยพรไปเข้าบัญชีของจำเลย หลังจากนางมาลัยพรถึงแก่ความตายแล้วโดยที่ธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาสระบุรีไม่ทราบถึงความตายของนางมาลัยพรจนทำให้กองมรดกของนางมาลัยพร ต้องรับผิดชำระหนี้จำนวนดังกล่าวให้แก่ธนาคารแห่งนั้นเป็นเรื่องที่จำเลยกระทำไปโดยไม่มีอำนาจซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดในทางแพ่งต่อกองมรดกของนางมาลัยพรเป็นการส่วนตัว แต่การกระทำของจำเลยไม่มีความผิดทางอาญาฐานยักยอกมรดกของนางมาลัยพรดังที่โจทก์ทั้งสองฟ้อง
พิพากษายืน

Share