คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2825/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปรับจำเลยเป็นเงินสี่เท่าของราคาของเป็นเงิน 27,126,838.64 บาท ริบของกลาง และให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับร้อยละสามสิบของราคาของกลางและจ่ายเงินรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมร้อยละสิบห้าของราคาของ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จ่ายสินบนร้อยละสามสิบและจ่ายรางวัลร้อยละยี่สิบห้าของราคาของกลางที่ศาลสั่งริบตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 7 และ 8 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการพิพากษาแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก การวินิจฉัยว่าผู้ใดกระทำผิดโดยรับไว้ซึ่งทองคำแท่งซึ่งผู้อื่นลักลอบนำหรือพาเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิหรือไม่นั้น เมื่อองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 27 ทวิ เพียงแต่ผู้ใดเจตนารับไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม หรือข้อจำกัดก็เป็นความผิดแล้ว ไม่จำเป็นต้องได้ข้อเท็จจริงชี้ชัดลงไปว่ามีผู้รู้เห็นว่าผู้นั้นกระทำผิดโดยลักลอบนำเข้าซึ่งทองคำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษีศุลกากรหรือไม่เสียก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522มาตรา 4, 5, 7, 20, 24 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27, 27 ทวิ, 32 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. 2489มาตรา 4, 5, 6, 7, 8, 9 ริบของกลาง กับจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับและจ่ายเงินรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของเป็นเงิน 27,126,838.64 บาทริบของกลาง และให้จ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับร้อยละสามสิบของราคาของกลางและจ่ายเงินรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมร้อยละสิบห้าของราคาของกลาง ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่าให้จ่ายสินบนร้อยละสามสิบและจ่ายรางวัลร้อยละยี่สิบห้าของราคาของกลางที่ศาลสั่งริบตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. 2489มาตรา 7 และ 8 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่าพยานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ พยานจำเลยทั้งสองมีน้ำหนักมั่นคงสมควรรับฟังมากกว่านั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก บัญญัติว่า “ในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่โทษจำคุกไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง” คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปรับจำเลยเป็นเงินสี่เท่าของราคาของเป็นเงิน27,126,838.64 บาท ริบของกลางและให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับร้อยละสามสิบของราคาของกลางและจ่ายเงินรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมร้อยละสิบห้าของราคาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จ่ายสินบนร้อยละสามสิบและจ่ายรางวัลร้อยละยี่สิบห้าของราคาของกลางที่ศาลสั่งริบตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. 2489มาตรา 7 และ 8 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นการพิพากษาแก้ไขเล็กน้อย ย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาของจำเลยทั้งสองในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับมา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้
ส่วนข้อกฎหมายที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า การที่จะวินิจฉัยว่าผู้ใดกระทำผิดโดยรับไว้ซึ่งทองคำแท่ง ซึ่งผู้อื่นลักลอบนำหรือพาเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษีตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ ข้อเท็จจริงต้องได้ความว่ามีบุคคลได้กระทำผิดโดยลักลอบนำเข้าซึ่งทองคำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษีศุลกากร ข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่มีพยานรู้เห็นว่ามีบุคคลใดลักลอบนำทองคำของกลางเข้ามาในราชอาณาจักร การครอบครองทองคำของกลางของจำเลยทั้งสองจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการครอบครองทองคำแท่งที่มีบุคคลลักลอบนำเข้ามาโดยผิดกฎหมายนั้นเห็นว่าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 27 ทวิ หาได้เป็นดังจำเลยทั้งสองอ้างไม่ เพียงแต่ผู้ใดเจตนารับไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามหรือข้อจำกัดก็มีความผิดแล้ว ไม่จำเป็นต้องได้ข้อเท็จจริงชี้ชัดลงไปว่ามีผู้รู้เห็นว่าผู้ใดกระทำผิดโดยลักลอบนำเข้าซึ่งทองคำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษีศุลกากรเสียก่อนจำเลยทั้งสองจึงจะมีความผิดคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share