คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7854/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้การจัดให้มีการเล่นการพนันเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตนและการเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ในการเล่นการพนันสลากกินรวบ อาจเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันก็ตาม แต่จำเลยนั่งขายสลากกินรวบที่บ้านพักของจำเลย เมื่อมีลูกค้ามาซื้อ จำเลยได้เขียนโพยสลากให้แก่ผู้ซื้อแล้วมอบโพยสลากให้ผู้ซื้อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสำเนาโพยสลากจำเลยเก็บไว้จนถูกเจ้าพนักงานจับกุมได้พร้อมเงินสดของกลาง ดังนี้แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดทั้งฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตนและฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ด้วยก็ตามแต่จำเลยกระทำโดยมีเจตนาอันเดียวกันคือขายสลากกินรวบนั่นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้เพียงกรรมเดียว มิใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนี ร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบ อันเป็นการพนันตามที่ระบุไว้ในบัญชี ข.หมายเลข 16 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตนและเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ตามวันเวลาดังกล่าวมีผู้แจ้งความนำจับนำเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมโพยสลาก 7 ชิ้นปากกา 1 ด้าม เงินสด 40 บาทเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้จัดการให้มีการเล่น จำคุก 3 เดือน ปรับ3,000 บาท ฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ จำคุก 3 เดือน ปรับ3,000 บาท รวมจำคุก 6 เดือน ปรับ 6,000 บาท สำหรับโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ริบของกลาง ให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษ โดยอัยการพิเศษประจำ เขต 3 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้เพียงกรรมเดียว จำคุก 3 เดือนปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัย คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ เห็นว่าแม้การจัดให้มีการเล่นการพนันเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน และการเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ในการเล่นการพนันสลากกินรวบ อาจเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันดังที่โจทก์กล่าวอ้างในฎีกาก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้โจทก์กล่าวอ้างในฎีกาได้ความว่า จำเลยนั่งขายสลากกินรวบที่บ้านพักของจำเลย เมื่อมีลูกค้ามาซื้อ จำเลยได้เขียนโพยสลากให้แก่ผู้ซื้อแล้วมอบโพยสลากให้ผู้ซื้อเก็บไว้เป็นหลักฐานส่วนสำเนาโพยสลากจำเลยเก็บไว้จนถูกเจ้าพนักงานจับกุมได้พร้อมเงินสดของกลาง จำนวน 40 บาท ดังนี้ แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดทั้งฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตนและฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ด้วยก็ตาม แต่จำเลยกระทำโดยมีเจตนาอันเดียวกันคือขายสลากกินรวบนั่นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้เพียงกรรมเดียว มิใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ส่วนที่โจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษแก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่รอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลยไว้
พิพากษายืน

Share