คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7730/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์หัวลากของกลาง ส่วนผู้ร้องที่ 2 เป็นเจ้าของกระบะรถยนต์กึ่งพ่วงของกลางผู้ร้องทั้งสองได้ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เช่าซื้อของกลางไป และจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของผู้เช่าซื้อได้นำไปใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งให้ริบ เมื่อปรากฏว่าผู้ร้องทั้งสองเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ในการให้เช่าซื้อรถยนต์และกระบะรถยนต์กึ่งพ่วง โดยมีสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดอุดรธานีตามลำดับได้ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดสุทธิวงศ์ก่อสร้าง ซึ่งมีสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในจังหวัดหนองคายเช่าซื้อรถยนต์หัวลากและกระบะรถยนต์กึ่งพ่วงของกลางไป จากพฤติการณ์ดังกล่าวผู้ร้องทั้งสองย่อมไม่อาจจะรู้ว่าผู้เช่าซื้อหรือจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของผู้เช่าซื้อจะนำของกลางดังกล่าวไปใช้ในการกระทำความผิด ส่วนการที่ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิติดตามเอาทรัพย์ที่ให้เช่าซื้อหรือของกลางคืน หรือเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายตามข้อสัญญาดังกล่าวได้ เมื่อศาลสั่งริบทรัพย์ที่ให้เช่าซื้อหรือของกลางการที่ผู้ร้องทั้งสองเลือกใช้สิทธิร้องขอคืนของกลางจึงเป็นการใช้สิทธิโดยชอบไม่เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้อ อันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ดังนี้ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องทั้งสองรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยจึงชอบที่ศาลจะพิพากษาให้คืนของกลางแก่ผู้ร้องทั้งสอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติทางหลวง พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และริบรถยนต์มิตซูบิชิ หัวลากดีเซลรุ่นฟูโซ่ หมายเลขเครื่องยนต์ 6 ดี 16-ทีจี 0650 พร้อมกระบะรถยนต์กึ่งพ่วงแบบเอสทีดี -0004-88 หมายเลขตัวรถเอสเอ็น-0091 ของกลาง
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์มิตซูบิชิหัวลาก ผู้ร้องที่ 2 เป็นเจ้าของกระบะรถยนต์กึ่งพ่วงของกลางที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ริบ ผู้ร้องทั้งสองไม่รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย ขอให้ศาลมีคำสั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้องทั้งสอง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอคืนของกลางเพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้ออันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และผู้ร้องทั้งสองมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้คืนของกลางแก่ผู้ร้องทั้งสอง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองว่า ผู้ร้องที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์มิตซูบิชิหัวลากของกลางผู้ร้องที่ 2 เป็นเจ้าของกระบะรถยนต์กึ่งพ่วงของกลาง ผู้ร้องทั้งสองได้ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดสุทธิวงศ์ก่อสร้างเช่าซื้อของกลาง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ผู้ร้องทั้งสองรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยหรือไม่ เห็นว่าผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ในการให้เช่าซื้อรถยนต์และกระบะรถยนต์กึ่งพ่วง โดยมีสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดอุดรธานีตามลำดับ ได้ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดสุทธิวงศ์ก่อสร้างซึ่งมีสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในจังหวัดหนองคายเช่าซื้อรถยนต์มิตซูบิชิหัวลากและกระบะรถยนต์กึ่งพ่วงของกลาง จากพฤติการณ์ดังกล่าว ผู้ร้องทั้งสองย่อมไม่อาจจะรู้ว่าผู้เช่าซื้อหรือจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของผู้เช่าซื้อจะนำของกลางดังกล่าวไปใช้ในการกระทำความผิดส่วนที่หนังสือสัญญาเช่าซื้อซึ่งมีข้อสัญญาเป็นใจความว่า หากมีการนำของกลางไปใช้ในทางผิดกฎหมายแล้วถูกยึดหรือถูกริบ หรือติดตามคืนไม่ได้ ผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายหรือชดใช้ราคาจนเต็มราคาที่เช่าซื้อ และเมื่อศาลสั่งริบของกลางผู้ร้องทั้งสองก็ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งโจทก์ฎีกาอ้างว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้อนั้น เห็นว่า เมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญาผู้ร้องทั้งสองย่อมมีสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อหรือของกลางคืน หรือเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายตามข้อสัญญาดังกล่าว ดังนั้น เมื่อศาลสั่งริบทรัพย์ที่ให้เช่าซื้อหรือของกลาง ผู้ร้องทั้งสองเลือกใช้สิทธิร้องขอคืนของกลาง จึงเป็นการใช้สิทธิโดยชอบหาได้เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้ออันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใดไม่ ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องทั้งสองรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย
พิพากษายืน

Share