คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2364/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยต้องการจะปลูกบ้านจึงติดต่อให้โจทก์ปลูกให้ตามแบบที่จำเลยต้องการ จำเลยเป็นฝ่ายจัดหาวัสดุก่อสร้างโจทก์เป็นผู้จัดหาคนงานและเครื่องมือ แต่จะให้ผู้ใดมาทำงานต้องให้จำเลยยินยอมด้วย โดยโจทก์คิดค่าจ้างสำหรับโจทก์และคนงานอื่นเป็นรายวันนั้นแม้โจทก์ได้ตกลงกับจำเลยไว้ว่าจะทำงานจนกว่าปลูกบ้านเสร็จ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าตกลงกันให้ถือเอาผลสำเร็จของงานเป็นเงื่อนไขในการจ่ายค่าจ้าง ส่วนการที่โจทก์รับค่าจ้างจากจำเลยเป็นงวดๆเพียงคนเดียว ก็เป็นเพียงการรับค่าจ้างรายวันแทนผู้ร่วมงานแต่ละคนซึ่งไม่ใช่ลูกจ้างของโจทก์เป็นคราวๆไปเท่านั้น ฉะนั้น ถึงแม้จำเลยจะไม่ได้ควบคุมแนะนำโจทก์ในการปลูกบ้านเพราะไม่มีความรู้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้การรับจ้างของโจทก์เป็นการจ้างทำของ ถือได้ว่าเป็นสัญญาจ้างแรงงาน
คดีที่พิพาทกันเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานตามมาตรา 8(1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ นั้นมิได้จำกัดว่าต้องเป็นคดีที่ที่พิพาทกันด้วยเรื่องค่าจ้างเท่านั้นแม้พิพาทกันด้วยเรื่องการทำงานไม่ถูกต้องตามหน้าที่ในสัญญาก็อยู่ในขอบข่ายด้วยเช่นกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสองเป็นลูกจ้างชั่วคราวโดยให้ทำหน้าที่ช่างไม้ โดยได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน โจทก์ทั้งสองได้ออกจากงานเพราะจำเลยขอลดค่าแรง จำเลยค้างชำระค่าจ้างโจทก์ทั้งสอง ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ที่ ๑ เป็นเงิน ๖๐๐ บาท แก่โจทก์ที่ ๒ เป็นเงิน ๘๙๐ บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยติดต่อโจทก์ที่ ๒ ให้รับเหมาปลูกบ้านให้จำเลยตามแบบที่จำเลยกำหนดไว้ โจทก์ที่ ๒ ตกลงโดยโจทก์ที่ ๒เป็นผู้จัดเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง ส่วนวัสดุก่อสร้างจำเลยเป็นผู้ซื้อตามที่โจทก์ที่ ๒ สั่ง คนงานโจทก์ที่ ๒ เป็นผู้จัดหามาเองโดยความเห็นชอบของจำเลย ขณะทำการก่อสร้าง จำเลยมีสิทธิตรวจดูและทักท้วงตลอดจนบอกเลิกจ้างได้ ถ้าหากเกิดมีการเสียหายและโจทก์ที่ ๒ จะต้องรับผิด โจทก์ที่ ๒ เป็นผู้รับค่าแรงค่าจ้างไปแต่ผู้เดียวและนำไปจ่ายให้คนงานเอง โจทก์ที่ ๒ ทำการปลูกสร้างผิดแบบหลายประการด้วยความสะเพร่า จำเลยเห็นว่าไม่มีความสามารถเพียงพอจึงบอกเลิกไม่ให้ทำอีกต่อไปขณะที่บอกเลิกจำเลยค้างชำระค่าจ้างโจทก์ที่ ๒ อยู่ ๒,๔๐๐ บาทแต่โจทก์ที่ ๒ ยอมให้จำเลยใช้ค่าจ้างที่ค้างอยู่เป็นค่าแก้ไขส่วนที่ผิดและค่าเสียหาย ถ้าเหลือก็จะขอรับไปจ่ายให้คนงาน เมื่อแก้ไขแล้วปรากฏว่าจำเลยกลับจ่ายเกินไป ๒๗๔ บาท โจทก์ที่ ๑ เป็นลูกมือของโจทก์ที่ ๒ ไม่เคยมีข้อตกลงผูกพันกับจำเลยไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้องเรื่องนี้ต่อศาลแรงงานกลางขอให้ยกฟ้อง และในการปลูกบ้านนี้ โจทก์ที่ ๒ ได้ทำบ้านจำเลยผิดเสียรูปทรงไม่ได้มาตรฐานถ้าจะแก้ไขก็ต้องรื้อและทำใหม่เป็นเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท จึงขอฟ้องแย้งให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยตามจำนวนเงินดังกล่าว
โจทก์ให้การปฏิเสธฟ้องแย้ง และว่าโจทก์ไม่ได้ก่อสร้างบ้านจำเลยโดยสะเพร่หรือไม่ใช้ความระมัดระวังเป็นเหตุให้จำเลยเสียหายจำเลยว่าจ้างโจทก์ทั้งสอง โจทก์ที่ ๑ มิใช่ลูกมือโจทก์ที่ ๒
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาจ้างแรงงาน เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยค้างค่าจ้าง เท่ากับเป็นคดีพิพาทกันด้วยสิทธิหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงาน จึงฟ้องต่อศาลแรงงานกลางได้ โจทก์ไม่ต้องรับผิดในค่าใช้จ่ายที่จำเลยจ้างช่างมาแก้ไข ข้อที่จำเลยอ้างว่า โจทก์ปลูกสร้างบ้านส่วนสัดไม่ได้มาตรฐานยังไม่ได้ พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ทั้งสองตามฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยต้องการปลูกบ้านหลังหนึ่งจึงติดต่อกับโจทก์ที่ ๒ โจทก์ที่ ๒ ตกลงจะรับจ้างปลูกบ้านให้ตามแบบที่จำเลยต้องการ จำเลยเป็นฝ่ายหาซื้อวัสดุก่อสร้างตามที่โจทก์ที่ ๒ จดให้ โจทก์ที่ ๒ เป็นผู้จัดหาคนงานที่จะมาทำงานร่วมด้วยและจัดหาเครื่องมือมาเอง โดยจะต้องให้จำเลยยินยอมด้วยโจทก์ที่ ๑ โจทก์ที่ ๒ พามารับจ้างจำเลยด้วย การจ้างนี้คิดค่าจ้างกันเป็นรายวันทุกคน ดังนี้แม้โจทก์ที่ ๒ จะตกลงกับจำเลยว่าจะทำงานให้จนกว่าบ้านจะเสร็จ แต่จำเลยก็จ้างโจทก์ที่ ๒ กับพวกเป็นรายวันไม่ปรากฏว่าได้แบ่งงานเป็นงวดและตกลงกันให้ถือเอาผลสำเร็จของงานแต่ละงวด หรือถือเอาผลสำเร็จของงานทั้งหมดเป็นเงื่อนไขในการจ่ายค่าจ้างแต่อย่างใด จึงถือว่าจำเลยตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้นไม่ได้ แม้โจทก์ที่ ๒ เป็นผู้พาคนอื่นมาร่วมรับจ้างทำงานแต่ก็ต้องให้จำเลยยินยอมด้วย และที่โจทก์ที่ ๒ เพียงคนเดียวเป็นผู้รับค่าจ้างจากจำเลยไปเป็นงวด ๆ นั้น ก็เป็นเพียงรับค่าจ้างรายวันของผู้ร่วมงานแทนเป็นคราว ๆ ไปเท่านั้นไม่เป็นกรณีที่โจทก์ที่ ๒ เป็นผู้รับเหมาแต่ผู้เดียวโดยผู้ร่วมงานเป็นลูกจ้างของโจทก์ที่ ๒ อีกทอดหนึ่ง และถึงแม้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายจัดเครื่องมือในการปลูกสร้างบ้านมาเอง จำเลยไม่มีความรู้ในการปลูกบ้านจึงไม่ได้ควบคุมแนะนำโจทก์คงปล่อยให้โจทก์ทำงานไปตามฝีมือและความรู้ความชำนาญ ก็ไม่ทำให้การรับจ้างของโจทก์เป็นการรับจ้างทำของ สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาจ้างแรงงาน
คดีที่พิพาทกันเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานดังที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯระบุไว้ในมาตรา ๘(๑) นั้น มิได้จำกัดว่าต้องเป็นคดีที่พิพาทกันด้วยเรื่องค่าจ้างเท่านั้น แม้พิพาทกันด้วยเรื่องการทำงานไม่ถูกต้องตามหน้าที่ตามสัญญา ก็อยู่ในขอบข่ายแห่งมาตราดังกล่าวนั้นด้วย
พิพากษายืน

Share