แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นหัวหน้างานทะเบียนราษฎร สำนักปลัดเทศบาลเทศบาลเมือง มีหน้าที่สอบสวนให้ได้ความจริงกรณีมีประชาชนมาขอทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ในกรณีบัตรสูญหาย เพื่อตรวจสอบ ให้ได้ความจริงว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ แต่จำเลย กลับสอบสวน ร. ผู้มาขอบัตรใหม่เพียงคนเดียว แล้วฟังว่าร. กับ จ. เป็นคนเดียวกัน ซึ่งไม่เป็นความจริง ทั้งนี้โดยจำเลยได้ทราบมาก่อนจาก ส. พยานโจทก์แล้วว่าร. กับ จ. เป็นคนละคนกัน เมื่อจำเลยสอบสวนแล้วก็ได้อนุมัติออกบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ ร. ในนาม จ.โดยปราศจากอำนาจ และจำเลยมิได้นำเสนอหัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลหรือปลัดเทศบาลหรือรองปลัดเทศบาลผู้มีอำนาจพิจารณาอนุมัติออกบัตรประจำตัวประชาชนตามระเบียบของทางราชการ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ จ. สำนักปลัดเทศบาล เทศบาลเมืองและกรมการปกครอง จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งในขณะเกิดเหตุรับราชการตำแหน่งเจ้าหน้าที่ทะเบียน 4 งานทะเบียนราษฎร สำนักปลัดเทศบาล เทศบาลเมืองโพธารามได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณหมวดเงินเดือน ได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งหัวหน้างานทะเบียนราษฎร และเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2533 จำเลยซึ่งขณะนั้นรับราชการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ทะเบียน 4 ทำหน้าที่หัวหน้างานทะเบียนราษฎรสำนักปลัดเทศบาล เทศบาลเมืองโพธาราม ได้ทำการสอบสวนอนุมัติออกบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่นางรุ่งนภาหรือแต๋ว ภูมิผิว ซึ่งอ้างตนเองว่าเป็นนางสาวจิตรา เทียนทอง และขอทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ พราะบัตรประจำตัวประชาชนเดิมหายไป มีปัญหาวินิจฉัยตามที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยซึ่งเป็นหัวหน้างานทะเบียนราษฎรสำนักปลัดเทศบาล เทศบาลเมืองโพธาราม มีหน้าที่สอบสวนให้ได้ความจริงกรณีมีประชาชนมาขอทำบัตรประชาชนใหม่ในกรณีบัตรสูญหายเพื่อตรวจสอบให้ได้ความจริงว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ แต่จำเลยกลับสอบสวนนางรุ่งนภาผู้มาขอบัตรใหม่เพียงคนเดียวแล้วฟังว่านางรุ่งนภากับนางสาวจิตราเป็นคนเดียวกันซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งนี้ โดยจำเลยได้ทราบมาก่อนจากนายสนองพยานโจทก์แล้วว่านางรุ่งนภากับนางสาวจิตราเป็นคนละคนกัน จำเลยสอบสวนแล้วก็ได้อนุมัติออกบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่นางรุ่งนภาในนามนางสาวจิตรา โดยปราศจากอำนาจและจำเลยมิได้นำเสนอหัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลหรือปลัดเทศบาลหรือรองปลัดเทศบาลผู้มีอำนาจพิจารณาอนุมัติออกบัตรประจำตัวประชาชนตามระเบียบของทางราชการ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่นางสาวจิตรา สำนักปลัดเทศบาล เทศบาลเมืองโพธาราม และกรมการปกครอง จำเลยจึงมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน