แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
กรณีศาลพิพากษาว่าโจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความมิใช่พิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ จึงไม่จำต้องออกคำบังคับจำเลยไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องไปจดทะเบียนให้แก่โจทก์ กรณีที่ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนภารจำยอมนั้นจึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้เพิกถอนคำบังคับดังกล่าวเสีย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 4 จดทะเบียนทางภารจำยอมในส่วนที่อยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 6403 ให้แก่โจทก์ตามแผนที่พิพาท (คือ ผนังบ้านของโจทก์ออกมาถึงเส้นตรงจากหมุด 233870 ถึงประตูรั้วบ้านโจทก์ที่จำเลยชี้ว่าหมุด ล.ล.1323 และจากริมประตูรั้วบ้านโจทก์ไปถึงมุมบ้านของจำเลย)
โจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความเท่านั้นโจทก์จะขอให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ไปจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่โจทก์หาได้ไม่ เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องไปจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่โจทก์เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องดำเนินการเอง แล้วพิพากษาแก้เป็นว่าทางในแผนที่พิพาทส่วนที่อยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 6403 (ตั้งแต่หลักหมุด 233870 ตรงไปยังจุดที่จำเลยนำชี้ว่าหมุด ล.ล.1323ตั้งอยู่ จากหมุด ล.ล.1323 ตรงไปยังมุมประตูบ้านโจทก์อีกด้านหนึ่งจากมุมประตูบ้านโจทก์ดังกล่าวตรงไปยังมุมผนังบ้านจำเลยจากมุมผนังบ้านดังกล่าวตรงไปสุดผนังบ้านจำเลยด้านนั้น และจากสุดผนังบ้านจำเลยดังกล่าวตรงไปยังหลักหมุด 233870) เป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 17094 ของโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4จดทะเบียนทางภารจำยอมทางในแผนที่พิพาทส่วนที่อยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 6403 เป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 17094 ของโจทก์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ยื่นคำร้องว่า ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยว่าโจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความ จึงจะบังคับให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ไปจดทะเบียนภารจำยอมแก่โจทก์ไม่ได้การจดทะเบียนทางภารจำยอมเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องไปดำเนินการเองขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแก้ไขหรือเพิกถอนคำบังคับดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นแก้ไขคำบังคับให้ถูกต้องตรงตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่า การที่ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 จดทะเบียนทางภารจำยอมทางในแผนที่พิพาทส่วนที่อยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 6403 เป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 17094 ของโจทก์นั้น ถูกต้องตรงตามคำพิพากษาศาลฎีกาหรือไม่ เห็นว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้โดยชัดแจ้งว่าโจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความเท่านั้น โจทก์จะขอให้จำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 4 ไปจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่โจทก์หาได้ไม่เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องไปจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่โจทก์ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องดำเนินการเอง แล้วพิพากษาแก้เป็นว่า ทางในแผนที่พิพาทส่วนที่อยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 6403 เป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 17094 ของโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4จดทะเบียนทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ดั่งศาลชั้นต้นซึ่งต่อมาศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4จดทะเบียนทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ จึงไม่ถูกต้องตรงตามคำพิพากษาศาลฎีกา แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นแก้ไขคำบังคับให้ถูกต้องตรงตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้น เห็นว่าศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาบังคับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4ให้ชำระหนี้แต่อย่างใด จึงเป็นกรณีที่ไม่จำต้องออกคำบังคับคดีไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนคำบังคับของศาลชั้นต้น