คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11181/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 63 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏว่าจำเลยเป็นคนนำหรือพาคนต่างด้าวจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำการด้วยประการใด ๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวจากนอกราชอาณาจักรให้เข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.นี้ จำเลยเพียงแต่ไปชักชวน ว. บ. และ พ. ที่ราชอาณาจักรกัมพูชาให้เข้ามาขอทาน แล้วจำเลยนำรถตู้มารับบุคคลทั้งสามในราชอาณาจักรไทยที่ตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้ว โดยตัวจำเลยไม่ได้เป็นคนไปพาบุคคลทั้งสามจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักรหรืออุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวทั้งสามในการเดินทางจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักร และคนต่างด้าวทั้งสามก็ยังจ่ายเงินให้จำเลยที่จังหวัดระยอง จำเลยจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเดินทางจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักรของ ว. บ. และ พ. จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6, 52 พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 4, 63, 64 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 92, 391 และเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 (2), 52 วรรคสาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 (5), 78 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 63 วรรคหนึ่ง, 64 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำคุก 2 ปี ฐานช่วยเหลือซ่อนเร้นเพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม จำคุก 1 ปี ฐานให้เด็กไปเป็นขอทานหรือใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการขอทานและฐานค้ามนุษย์โดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี ฐานใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษความผิดฐานค้ามนุษย์โดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 9 ปี เพิ่มโทษกระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ความผิดฐานพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร จำคุก 2 ปี 8 เดือน ฐานช่วยเหลือซ่อนเร้นเพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม จำคุก 1 ปี 4 เดือน ฐานค้ามนุษย์โดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี จำคุก 12 ปี คำแถลงรับข้อเท็จจริงของจำเลยในชั้นนำสืบพยานก่อนฟ้องเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสามเฉพาะความผิดฐานค้ามนุษย์ คงจำคุกความผิดฐานค้ามนุษย์ 9 ปี รวมจำคุก 12 ปี 12 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 63 วรรคหนึ่ง และจำคุกในความผิดฐานค้ามนุษย์โดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี มีกำหนด 8 ปี เมื่อรวมโทษในความผิดฐานช่วยเหลือซ่อนเร้นเพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม จำคุก 1 ปี 4 เดือน รวมจำคุก 9 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นตามที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยกระทำความผิดฐานช่วยเหลือซ่อนเร้นเพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม และฐานให้เด็กไปเป็นขอทานหรือใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการขอทาน ฐานค้ามนุษย์ โดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี กับฐานใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ รวม 2 กระทง จำคุก 9 ปี 4 เดือน
คดีมีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ประการเดียวว่า จำเลยกระทำความผิดฐานพานายวัน นายบุญจัน และนายพาดคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 63 วรรคหนึ่ง หรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานนี้จะต้องปรากฏว่าจำเลยเป็นคนนำหรือพาคนต่างด้าวจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำการด้วยประการใด ๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวจากนอกราชอาณาจักรให้เข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ แต่ตามทางนำสืบของโจทก์ได้ความว่า จำเลยเพียงแต่ไปชักชวนนายวัน ไม่มีนามสกุล นายบุญจัน ไม่มีนามสกุล และนายพาด ไม่มีนามสกุล ที่ราชอาณาจักรกัมพูชาให้เข้ามาขอทาน แล้วจำเลยนำรถตู้มารับบุคคลทั้งสามในราชอาณาจักรไทยที่ตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้ว โดยตัวจำเลยไม่ได้เป็นคนไปพาบุคคลทั้งสามจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักรหรืออุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวทั้งสามในการเดินทางจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักร และคนต่างด้าวทั้งสามก็ยังจ่ายเงินให้จำเลยที่จังหวัดระยอง ฉะนั้น จำเลยจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเดินทางจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักรของนายวัน นายบุญจัน และนายพาด จำเลยเพียงแต่ให้ความสะดวกนายวัน นายบุญจัน และนายพาดในการเดินทางจากตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้ว ไปที่จังหวัดระยองซึ่งอยู่ภายในราชอาณาจักร จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานนี้นั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานรู้ว่านางวาดและเด็กชาย ป. เป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุมนั้น ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ภาค 2 มิได้พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในความผิดฐานนี้ เพราะศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังว่า จำเลยกระทำความผิดต่อนายวัน นายบุญจัน และนายพาด คนต่างด้าว แล้ววินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดฐานนี้และมิได้แก้ไขโทษด้วยการที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานนี้โดยรู้ว่านางวาดและเด็กชาย ป. เป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม ซึ่งเป็นไปตามฟ้องนั้น เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงไม่อาจฎีกาในปัญหาดังกล่าวได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share