แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยชวนโจทก์ร่วมซื้อคอนโดมิเนียม ตึกแถว และที่ดินโดยยืนยันว่าอีก 4 เดือน จะมีผู้ซื้อต่อ และจำเลยให้ผู้เสียหายทำพิธีเสริมดวงและเรียกค่าครู โดยยืนยันว่าจะทำให้ดวงดีขายตึกแถวที่ดินได้ หรือบุตรจะมีบุญบารมีสูงกว่าบิดามารดา ผู้เสียหายกับสามีจะไม่ต้องหย่ากัน ล้วนเป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่แน่นอนทั้งสิ้น ไม่ใช่คำหลอกลวงแต่เป็นคำคาดการณ์ แม้โจทก์ร่วมและผู้เสียหายเข้าทำพิธีตามคำแนะนำและเสียค่าใช้จ่ายให้จำเลย จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างปลายปี 2532 ถึงประมาณกลางเดือนมิถุนายน 2535 เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกัน จำเลยโดยทุจริตหลอกลวงประชาชนทั่วไปรวมทั้งนายจตุพร ตรีประทีปกุลนายสมบุ ญ ตรีประทีปกุล นางสาวศรีเพชร ตรีประทีปกุลนางปรียาทิพย์ ตรีประทีปกุล และนางสาววาสนา ตรีประทีปกุลผู้เสียหายว่าจำเลยเป็นคนทรงเจ้าสามารถทำพิธีเสริมดวงชะตาและทำการขจัดสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ให้กลายเป็นดีได้ จำเลยชักชวนแนะนำให้นายจตุพรซื้อบ้าน ที่ดิน และคอนโดมิเนียมที่ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี โดยจำเลยกล่าวรับรองว่าสามารถจัดการขายบ้าน ที่ดิน และคอนโดมิเนียมให้ได้กำไรภายใน 4 เดือน นายจตุพรหลงเชื่อจึงได้ซื้อบ้าน ที่ดินและคอนโดมิเนียมไว้ตามคำหลอกลวงของจำเลย ครั้นเวลาล่วงเลยกำหนด 4 เดือน จำเลยก็ไม่สามารถจัดการขายได้ จำเลยจึงกล่าวหลอกลวงผู้เสียหายทั้งห้าอีกว่าผู้เสียหายทั้งห้าดวงไม่ดีต้องซื้อผ้ายันต์ เครื่องลางของขลังจากจำเลยไปบูชา ดวงจะดีขึ้นและทำให้ผู้เสียหายทั้งห้าทำมาค้าขายได้ดีและร่ำรวย ทั้งจะทำให้นายจตุพรสามารถขายบ้าน ที่ดิน และคอนโดมิเนียมได้กำไรงดงามผู้เสียหายทั้งห้าเชื่อตามคำหลอกลวงของจำเลย จึงให้เงินและทรัพย์สินโดยนายจตุพรส่งมอบทรัพย์ให้เป็นเงิน 742,472 บาทนางสาวศรีเพชรเป็นเงิน 323,048 บาท นายสมบุญเป็นเงิน209,448 บาท นางสาวปรียาทิพย์เป็นเงิน 145,648 บาทนางสาววาสนาเป็นเงิน 102,972 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นรวม1,523,588 บาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับผ้ายันต์ เครื่องลางของขลังต่าง ๆ จากจำเลยซึ่งความจริงแล้วจำเลยไม่สามารถทำพิธีเสริมดวงชะตาหรือขจัดสิ่งชั่วร้ายหรือกระทำการใด ๆ ตามที่กล่าวต่อผู้เสียหายทั้งห้าได้ และเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2535 ผู้เสียหายทั้งห้ามอบทรัพย์จำนวน 60 รายการ ซึ่งผู้เสียหายทั้งห้าต้องเสียไปให้แก่จำเลยตามฟ้องข้างต้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 343 และให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 1,523,588 บาทแก่ผู้เสียหายทั้งห้า กับริบของกลางจำนวน 23 รายการ ที่ยึดได้จากบ้านจำเลย ส่วนของกลางที่เหลือคือเจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายจตุพร ตรีประทีปกุล ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก จำคุก 2 ปี ริบของกลางที่ยึดได้จากบ้านจำเลยรวม 23 รายการ ตามเอกสารหมาย จ.12ส่วนของกลางที่เหลือให้คืนเจ้าของ กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน742,472 บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ความผิดฐานฉ้อโกงผู้กระทำความผิดต้องกระทำโดยการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้น ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามการที่จำเลยชวนโจทก์ร่วมซื้อคอนโดมิเนียม ตึกแถว และที่ดินโดยยืนยันว่าอีก 4 เดือน จะมีผู้ซื้อต่อ การที่จำเลยให้ผู้เสียหายทำพิธีเสริมดวงและเรียกค่าครู โดยยืนยันว่าจะทำให้ดวงดี ขายตึกแถวที่ดินได้ หรือว่าบุตรจะมีบุญบารมีสูงกว่าบิดามารดา ผู้เสียหายกับสามีจะไม่ต้องหย่ากันฯลฯ ล้วนเป็นคำยืนยันเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่แน่นอนทั้งสิ้น คำยืนยันดังกล่าวไม่ใช่คำหลอกลวง แต่เป็นคำคาดการณ์ ที่โจทก์ร่วมและผู้เสียหายเข้าทำพิธีตามคำแนะนำและเสียค่าใช้จ่าย จึงมิได้เป็นผลจากการหลอกลวงตามคำฟ้อง การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์