คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาพผู้แทนราษฎรเป็นคำฟ้อง ผู้ร้องจึงต้องบรรยายคำร้องให้แจ้งชัดสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องรวมทั้งคำขอบังคับและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา การอ้างเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง มิใช่ส่วนหนึ่งของคำร้องคัดค้าน เมื่อคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมเอกสารดังกล่าวจึงไม่ทำให้คำร้องที่เคลือบคลุมเป็นคำร้องที่สมบูรณ์ขึ้นได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดชลบุรี ขอให้มีคำสั่งให้มีการเปิดหีบบัตรเลือกตั้งเพื่อตรวจนับคะแนนเลือกตั้งใหม่และตรวจพิสูจน์หลักฐานการลงคะแนนเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งหากผู้ร้องได้คะแนนเลือกตั้งมากกว่าผู้สมัครหมายเลข 7, 8 และ 9 แล้วความเป็นสมาชิกสภาพของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายสันต์ศักย์ งามพิเชษฐ์ นายสนธยา คุณปลื้ม และนายสุรสิทธิ์นิติวุฒิวรรักษ์ ซึ่งทางจังหวัดชลบุรีได้ประกาศว่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งที่ 2 สิ้นสิทธิลงและให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดชลบุรีใหม่
ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีผู้คัดค้านที่ 1 นายสันต์ศักย์งามพิเชษฐ์ผู้คัดค้านที่ 2 นายสนธยา คุณปลื้ม ผู้คัดค้านที่ 3และนายสุรสิทธิ์ นิติวุฒิวรรักษ์ ผู้คัดค้านที่ 4 ยื่นคำคัดค้านทำนองเดียวกัน ขอให้ยกคำร้อง
ในระหว่างนัดไต่สวนคำร้อง ผู้คัดค้านทั้งสี่ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่า คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุมหรือไม่
ศาลจังหวัดชลบุรีเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานอีกต่อไปจึงให้งดการไต่สวนและทำความเห็นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาว่าคำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง ไม่มีเหตุที่จะรับคำร้องของผู้ร้องไว้เพื่อพิจารณาวินิจฉัย เห็นควรมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องเสีย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 79 บัญญัติให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาพผู้แทนราษฎรเป็นคำฟ้องตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 1(3)แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งด้วย ผู้ร้องชอบที่จะต้องบรรยายคำร้องให้แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องรวมทั้งคำขอบังคับและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง จึงมีปัญหาว่าคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ร้องในคดีนี้เป็นคำร้องที่เคลือบคลุมหรือไม่ พิเคราะห์แล้วผู้ร้องบรรยายในคำร้องว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดชลบุรีดำเนินไปโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 เหตุที่ผู้ร้องอ้างว่าเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวนั้น ผู้ร้องบรรยายเหตุคัดค้านการเลือกตั้งมา 2 ประการ ประการแรกผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดชลบุรีทุกหน่วยเลือกตั้งจำนวน 369 หน่วยเลือกตั้งจงใจนับบัตรเลือกตั้ง วินิจฉัยและขานคะแนนเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริง โดยนับบัตรเลือกตั้งและขานบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครหมายเลข 7, 8 และ 9 ซึ่งเป็นบัตรเสียคือเป็นบัตรปลอมซึ่งไม่ได้ประทับตราประจำตำแหน่งนายอำเภอท้องที่และเลขที่บัตรลงบนบัตรเลือกตั้งด้านนอกและบัตรเลือกตั้งที่ทำเครื่องหมายเลือกตั้งเกินจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีได้ในเขตเลือกตั้งที่ 2 ให้เป็นบัตรที่ใช้ได้จำนวน 38,500 คะแนน และนับบัตรเลือกตั้งและขานบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นบัตรที่ใช้ได้ให้เป็นบัตรเสียจำนวน 14,750 คะแนน ทำให้ผู้สมัครหมายเลข 7, 8 และ 9 ได้รับคะแนนเลือกตั้งเพิ่มไปจากความจริง38,500 คะแนน และทำให้ผู้ร้องได้คะแนนเลือกตั้งน้อยไปกว่าความจริง14,750 คะแนน เห็นว่า การบรรยายคำร้องในลักษณะดังกล่าวแม้ผู้ร้องจะอ้างว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดชลบุรีทุกหน่วยเลือกตั้งจำนวน 369 หน่วยเลือกตั้ง จงใจนับบัตรเลือกตั้งวินิจฉัยและขานคะแนนเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริงแต่ผู้ร้องก็มิได้ระบุว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งเป็นผู้ใดบ้าง มีจำนวนรวมทั้งหมดกี่คนและคำร้องของผู้ร้องเป็นการกล่าวอ้างถึงการกระทำของเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยเลือกตั้งจำนวน 369 หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินการเลือกตั้งโดยผู้ร้องไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงเป็นการเฉพาะว่าในจำนวนเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งดังกล่าวทุกหน่วยเลือกตั้งจำนวน 369หน่วยเลือกตั้ง มีผู้ใดที่จงใจนับบัตรเลือกตั้งวินิจฉัยและขานคะแนนเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริง และเหตุเกิดในหน่วยเลือกตั้งใดรวมทั้งจำนวนบัตรเลือกตั้งที่นับผิดไปจากความจริงในแต่ละหน่วยเลือกตั้งมีจำนวนเท่าใดผู้ร้องเพียงแต่กล่าวอ้างถึงข้อเท็จจริงคลุม ๆ และรวมกันมาทุกหน่วยเลือกตั้งในลักษณะของการคาดคะเน ทั้งตามเอกสารท้ายคำร้องของผู้ร้องก็ไม่มีรายละเอียดเพียงพอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสี่เข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง การบรรยายคำร้องในลักษณะนี้จึงมิใช่การแสดงถึงสภาพแห่งข้ออ้างและข้อหาของผู้ร้องโดยแจ้งชัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองจึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
ส่วนเหตุที่ผู้ร้องยกขึ้นอ้างคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประการที่สองว่า เจ้าหน้าที่กรรมการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 จำนวน 369 หน่วยเลือกตั้ง จงใจปล่อยปละละเลยให้มีการหมุนเวียนกันไปลงคะแนนเลือกตั้งซ้ำบุคคลกันด้วยการไปลงคะแนนเลือกตั้งแทนผู้ที่ไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อช่วยเหลือผู้สมัครหมายเลข 7, 8 และ 9 โดยบางคนบวชเป็นพระภิกษุ บางคนถึงแก่กรรมไปแล้วบางคนย้ายภูมิลำเนาออกจากทะเบียนบ้านในพื้นที่ของหน่วยเลือกตั้งไปแล้ว และบางคนไปทำงานชั่วคราวในต่างประเทศซึ่งเป็นผู้ที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งหรือใช้สิทธิเลือกตั้งแต่ปรากฏว่ามีผู้เลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งนั้น ๆ หรือจากหน่วยเลือกตั้งอื่น ๆ หรือเป็นผู้ที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งนั้น หรือมีสิทธิเลือกตั้งเกิน 1 หน่วยเลือกตั้งไปใช้สิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งหมุนเวียนกันไปลงคะแนนเลือกตั้งทำให้หลักฐานการลงคะแนนเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งฉบับที่ใช้หมายเลขในการลงคะแนนเลือกตั้ง การลงลายมือชื่อผู้เลือกตั้งหรือลายพิมพ์นิ้วมือหรือหมายเหตุเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนในช่องผู้เลือกตั้งไม่ตรงกันความจริง ทำให้มีผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งซ้ำบุคคลกันเพื่อลงคะแนนเลือกตั้งให้ผู้สมัครหมายเลข 7, 8และ 9 จำนวน 62,080 คะแนน ทำให้ผู้สมัครหมายเลขดังกล่าวได้คะแนนเลือกตั้งผิดไปจากความจริง 62,080 คะแนน นั้น เห็นว่าผู้ร้องมิได้บรรยายในคำร้องว่าเจ้าหน้าที่กรรมการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 จำนวน 369 หน่วยเลือกตั้งคนใดที่จงใจปล่อยปละละเลยให้มีหมุนเวียนกันไปลงคะแนนเลือกตั้งการปล่อยปละละเลยให้มีการหมุนเวียนกันไปลงคะแนนเลือกตั้งเกิดที่หน่วยเลือกตั้งใดบ้าง จำนวนหน่วยละเท่าใด การหมุนเวียนไปลงคะแนนเลือกตั้งซ้ำบุคคลกันด้วยการไปลงคะแนนเลือกตั้งแทนผู้ที่ไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้งก็ดี หรือผู้ที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งก็ดี บุคคลดังกล่าวเป็นใครบ้าง มีจำนวนเท่าใดและเหตุเกิดที่หน่วยเลือกตั้งใด คำร้องของผู้ร้องจึงเป็นการกล่าวถึงข้อเท็จจริงคลุม ๆ และรวมกันมาทุกหน่วยเลือกตั้งในลักษณะของการคาดคะเน ทำให้ผู้มีส่วนได้เสียจากเหตุตามคำร้องเสียเปรียบไม่อาจเข้าใจและยื่นคัดค้านได้ตรงกับรูปเรื่องจึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมและไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
อนึ่ง ที่ผู้ร้องยื่นคำร้องลงวันที่ 11 ตุลาคม 2538 อ้างพยานหลักฐานอันดับที่ 154 ตามบัญชีระบุพยานลงวันที่ 12 กันยายน 2538โดยอ้างว่าเป็นเอกสารที่ผู้ร้องจัดทำขึ้นเพื่อเป็นพยานเอกสารประกอบคำร้องซึ่งจะทำให้เข้าใจได้ว่าในหน่วยเลือกตั้งใดที่มีการปล่อยปละละเลยให้มีการหมุนเวียนไปลงคะแนนเลือกตั้งซ้ำบุคคลกันและเป็นผู้เลือกตั้งคนใดบ้างที่ไปลงคะแนนเลือกตั้งให้ผู้คัดค้านที่ 2 ถึงที่ 4 ซ้ำอีกทำให้ผู้คัดค้านทั้งสี่เข้าใจคำร้องและข้อหาได้ดี จึงขอนำส่งพยานเอกสารดังกล่าวเพื่อประกอบการวินิจฉัยคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดชลบุรี ของผู้ร้องดังกล่าวด้วย และขอให้รับเอกสารดังกล่าววินิจฉัยประกอบคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดชลบุรีของผู้ร้องในการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายด้วยนั้น เห็นว่าคำร้องของผู้ร้องดังกล่าวเป็นการอ้างเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดชลบุรี เอกสารดังกล่าวมิใช่ส่วนหนึ่งของคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดชลบุรี เมื่อคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดชลบุรีของผู้ร้องเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง เสียแล้ว เอกสารดังกล่าวจึงไม่ทำให้คำร้องของผู้ร้องที่เคลือบคลุมเป็นคำร้องที่สมบูรณ์ขึ้นได้และไม่อาจนำเอกสารดังกล่าวมาพิจารณาให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ร้องได้”
มีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share