คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7170/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์มีหนี้ผูกพันที่จะต้องคืนเงินที่จำเลยได้ไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคารแทนโจทก์แก่จำเลย ส่วนข้อตกลงที่ว่าเมื่อจำเลยไถ่ถอนจำนองแล้ว โจทก์จะต้องขายที่ดินที่จำนองที่ให้จำเลยยึดเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินให้แก่จำเลยนั้นเป็นข้อตกลงอีกต่างหาก หาใช่หนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่จำเลยไถ่ถอนมาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 ไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินของโจทก์ เมื่อโจทก์นำเงินมาวางศาลเต็มตามจำนวนที่จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคาร แทนโจทก์แล้ว จำเลยจึงต้องคืนเอกสารสิทธิ ที่อยู่กับจำเลยให้แก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2534 โจทก์ได้กู้ยืมเงินจำเลย จำนวน 197,533.41 บาท เพื่อชำระหนี้และไถ่ถอนการจำนองจากธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาอุดรธานี โดยโจทก์ได้นำโฉนดที่ดินเลขที่ 21507 หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 1546, 1985 และ 2544 รวม 4 ฉบับ มอบไว้ให้แก่จำเลยเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ ต่อมาโจทก์ได้ติดต่อขอชำระหนี้และให้จำเลยส่งมอบเอกสารสิทธิทั้ง 4 ฉบับ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยรับเงินจำนวน 197,533.41 บาท และคืนเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินทั้ง 4 ฉบับ แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เอกสารสิทธิสำหรับที่ดินทั้ง 4 ฉบับตามคำฟ้องของโจทก์อยู่ที่จำเลยจริง แต่จำเลยไม่ได้รับไว้ในฐานะเป็นประกันการชำระหนี้การกู้ยืมเงิน เพราะเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2534โจทก์ได้มาขอร้องให้จำเลยนำเงินไปชำระหนี้ให้แก่ธนาคารทหารไทยจำกัด สาขาอุดรธานี แทนโจทก์เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินตามโฉนดและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่โจทก์ฟ้องเรียกคืน โดยโจทก์สัญญาว่าจะโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2544ให้แก่จำเลย จำเลยจึงนำเงินไปชำระหนี้ให้แก่ธนาคารทหารไทย จำกัดสาขาอุดรธานี แทนโจทก์ หลังจากธนาคารทหารไทย จำกัดสาขาอุดรธานี ได้ไถ่ถอนจำนองที่ดินให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ไม่ยอมไปจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 2544 ให้แก่จำเลยตามที่ตกลงกันและไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย การที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจำเลย จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ในวันชี้สองสถานโจทก์และจำเลยรับกันว่า จำเลยได้ไปทำการไถ่ถอนที่ดินตามโฉนดและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่โจทก์ฟ้องขอเรียกคืนจากธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาอุดรธานี แทนโจทก์และเสียค่าใช้จ่ายไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 197,533.41 บาท ซึ่งฝ่ายโจทก์ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาวางไว้ต่อศาลเพื่อให้จำเลยรับไปจากศาลในวันชี้สองสถานแล้ว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยรับเงินจำนวน 197,533.41 บาท จากโจทก์และคืนโฉนดที่ดิน (น.ส.4 จ.)เลขที่ 21507 เลขที่ดิน 54 เล่ม 216 หน้า 7 หน้าสำรวจ 3289ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1546 เล่ม 16 ก. หน้า 46เลขที่ดิน 180 ตำบล(หนองบุ) หนองนาคำ อำเภอเมืองอุดรธานีจังหวัดอุดรธานี หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 1985 เล่ม 20 ข. หน้า 35 เลขที่ดิน 323 ตำบล(หนองบุ)หนองนาคำ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2544 เล่ม 26 ก. หน้า 44เลขที่ดิน 32 ตำบลหนองบัง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานีให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่าจำเลยจะต้องคืนเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินรวม 4 ฉบับ ให้แก่โจทก์หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์มีหนี้ผูกพันที่จะต้องชำระคืนแก่จำเลยก็คือเงินที่จำเลยได้ไถ่ถอนจำนองที่ดินตามโฉนดเอกสารหมาย จ.1 ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เอกสารหมาย จ.2ถึง จ.4 จากธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาอุดรธานี แทนโจทก์ส่วนข้อตกลงที่ว่าเมื่อจำเลยไถ่ถอนจำนองมาแล้ว โจทก์จะต้องขายที่ดินแปลงหนึ่งให้แก่จำเลยนั้น เป็นข้อตกลงอีกต่างหาก หาใช่หนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่จำเลยไถ่ถอนมาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 ไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินรวม 4 ฉบับ ของโจทก์ เมื่อโจทก์นำเงินมาวางศาลจำนวน 197,533.41 บาท เต็มตามจำนวนที่จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาอุดรธานี แทนโจทก์แล้ว จำเลยจึงต้องคืนเอกสารสิทธิทั้งหมดที่อยู่กับจำเลยให้แก่โจทก์ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share