คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2514/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่มีใจความสรุปว่าในวันนัดสืบพยาน ทนายจำเลยมาศาลเวลา 8.30 นาฬิกาได้ตรวจสอบวันนัดกับเวลานัดของศาลซึ่งเป็นใบลอยติดไว้ที่หน้าศาล ปรากฏว่าคดีนี้ศาลนัดเป็นเวลา 13.30 นาฬิกา ทนายจำเลยได้ไปตรวจสอบที่ศูนย์หน้าบัลลังก์ ก็ปรากฏว่าตรงกันคือเวลา 13.30 นาฬิกา เพื่อความแน่ใจทนายจำเลยจึงไปสอบถามเกี่ยวกับบัลลังก์ว่าคดีดังกล่าวจะพิจารณาที่บัลลังก์ใดปรากฏว่าเป็นบัลลังก์ที่ 40 และได้ไปนั่งรออยู่หน้าบัลลังก์ดังกล่าวระหว่างนั้น ล. เสมียนพิมพ์ดีดของบัลลังก์ที่ 40ได้เข้ามาที่บัลลังก์ที่ 40 จึงได้สอบถาม ล. ได้ไปสอบถามธ. เสมียนหน้าบัลลังก์ที่ 40 ได้ตรวจสอบแล้วให้ ล.มาบอกทนายจำเลยว่าคดีนี้นัดตอนบ่าย ทนายจำเลยได้รออยู่จนเวลา 9.50 นาฬิกา จึงออกไปนอกศาลและกลับมาเวลา 13.30 นาฬิกาปรากฏว่าศาลดำเนินกระบวนพิจารณาไปแล้วในตอนเช้า ดังนี้หากเป็นจริงดังทนายจำเลยอ้าง จำเลยก็มิได้จงใจขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นควรไต่สวนให้ได้ความเสียก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นดังที่ทนายจำเลยกล่าวอ้างหรือไม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ทำการไต่สวนนั้นเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยของเช็คทั้งสามฉบับตามฟ้อง รวมเป็นเงิน 105,739 บาท แก่โจทก์กับให้จำเลยชดใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน105,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ชั้นชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อน โดยนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2537 เวลา 9 นาฬิกาครั้นถึงวันนัดจำเลยทราบนัดแล้วไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ต่อมาในวันเดียวกัน เวลา 15.20 นาฬิกาจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดศาลชั้นต้นงดไต่สวนคำร้องและมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 105,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 26 เมษายน 2533 จากยอดเงิน 100,000 บาท นับแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2533 จากยอดเงินรวม 5,000 บาท เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2533 คำนวณไม่เกินจำนวนเงิน 739 บาท
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่และอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายและฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์ จึงเห็นสมควรวินิจฉัยฎีกาคำสั่งคำร้องดังกล่าวเสียก่อน ปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2534มีใจความสรุปว่า ในวันดังกล่าวทนายจำเลยมาศาลเวลา 8.30 นาฬิกาได้ตรวจสอบวันนัดกับเวลานัดของศาลซึ่งเป็นใบลอยติดไว้ที่หน้าศาลปรากฏว่าคดีนี้ศาลนัดเป็นเวลา 13.30 นาฬิกา ทนายจำเลยได้ไปตรวจสอบที่ศูนย์หน้าบัลลังก์ ก็ปรากฏว่าตรงกันคือเวลา 13.30 นาฬิกาเพื่อความแน่ใจทนายจำเลยจึงไปสอบถามเกี่ยวกับบัลลังก์ว่าคดีดังกล่าวจะพิจารณาที่บัลลังก์ใด ปรากฏว่าเป็นบัลลังก์ที่ 40และได้ไปนั่งรออยู่หน้าบัลลังก์ดังกล่าว ระหว่างนั้นนางสาวลัดดาไขวัฒนชัย เสมียนพิมพ์ดีดของบัลลังก์ที่ 40 ได้เข้ามาที่บัลลังก์ที่ 40 จึงได้สอบถาม นางสาวลัดดาได้ไปสอบถามนางสาวธิดา ปรีชาชาญวุฒิ เสมียนหน้าบัลลังก์ที่ 40 ได้ตรวจสอบแล้วให้นางสาวลัดดามาบอกทนายจำเลยว่าคดีนี้นัดตอนบ่าย ทนายจำเลยได้รออยู่จนเวลา 9.05 นาฬิกา จึงออกไปนอกศาลกลับมาเวลา13.30 นาฬิกา ปรากฏว่าศาลดำเนินกระบวนพิจารณาไปแล้วในตอนเช้าเห็นว่า ทนายจำเลยอ้างว่ามาศาลตามกำหนดนัดแล้ว เหตุที่ไม่ได้อยู่ในขณะที่ศาลพิจารณาคดีก็เพราะหลักฐานการนัดของศาลที่ติดประกาศไว้นัดเวลา 13.30 นาฬิกา ทั้งเจ้าหน้าที่ศาลก็ยืนยันว่านัดเวลา 13.30 นาฬิกา ฉะนั้นหากเป็นจริงดังทนายจำเลยอ้างจำเลยก็มิได้จงใจขาดนัดพิจารณาจึงควรไต่สวนให้ได้ความเสียก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นดังที่ทนายจำเลยกล่าวอ้างหรือไม่ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ทำการไต่สวนนั้นเป็นการไม่ชอบและไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยต่อไป
พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องฉบับลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2534ของจำเลย แล้วมีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share