คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3462/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรมธรรม์ประกันภัยได้ระบุข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยผู้รับประกันภัยไว้ว่า การประกันภัยนี้ไม่คุ้มครองความเสียหายหรือสูญหายอันเกิดจากการลักทรัพย์หรือยักยอก และการที่คนร้ายอ้างว่าชื่อส.และพ. ไปขอเช่ารถยนต์คันที่จำเลยรับประกันไว้จากบ. ซึ่ง บ. เช่าซื้อมาจากโจทก์และระบุให้โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนและใบอนุญาตขับรถยนต์ปลอมแสดงต่อ บ. บ.ตกลงให้เช่า แต่เมื่อได้รับรถยนต์คันดังกล่าวไปจาก บ.แล้วคนร้ายไม่นำมาคืนนั้นเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าคนร้ายมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวง บ.ให้ส่งมอบรถยนต์แก่คนร้ายมาตั้งแต่ต้นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าคนร้ายดังกล่าวเป็นบุคคลที่มีชื่อและภูมิลำเนาตามเอกสารปลอมมีความประสงค์จะเช่ารถยนต์บ.หลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงยินยอมส่งมอบรถยนต์ให้แก่คนร้ายไป ความจริงคนร้ายแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและไม่มีความประสงค์จะเช่ารถยนต์แต่อย่างใด การกระทำของคนร้ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกง หาใช่ความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกอันจะเป็นข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวข้างต้นไม่ จำเลยต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน3 ฉ – 0730 กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2531นายบุญลือ หรือบุญส่งเช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวไปจากโจทก์แล้วนำไปทำสัญญาประกันภัยไว้กับจำเลยในวงเงินประกันภัยจำนวน 330,000 บาท มีระยะเวลาประกันภัยตั้งแต่วันที่13 กันยายน 2531 ถึงวันที่ 13 กันยายน 2532 ตามกรมธรรม์ประกันภัยระบุให้โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์และจำเลยยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับประโยชน์ในกรณีที่รถยนต์เอาประกันภัยเกิดสูญหาย ต่อมาวันที่ 5 พฤษภาคม 2532 มีคนร้ายมาเอารถยนต์ของโจทก์คันดังกล่าวไปเสียจากความครอบครองของนายบุญลือด้วยการหลอกลวงโดยเจตนาทุจริต นายบุญลือได้สืบหารถยนต์คันดังกล่าวแต่ไม่พบ จึงได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจ โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบและติดต่อให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 330,000 บาท ตามสัญญาประกันภัย แต่จำเลยเพิกเฉย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน330,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2532 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 8 เดือน28 วัน คิดเป็นค่าดอกเบี้ย 18,425 บาท รวมต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นเงินทั้งสิ้น 348,425 บาท ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินจำนวน 348,425 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 330,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้จากนายบุญส่งหรือบุญลือจริง ตามกรมธรรม์ประกันภัยได้กำหนดข้อยกเว้นความเสียหายต่อรถยนต์ไว้ในข้อ 3.7 ว่าการประกันภัยนี้ไม่คุ้มครองความเสียหายหรือสูญหายอันเกิดจากการลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์ รถยนต์คันดังกล่าวได้สูญหายไปเนื่องจากนายบุญลือผู้เอาประกันภัยได้ให้นายสมศักดิ์เช่า ตามปกติการค้าของผู้เอาประกันภัย แต่นายสมศักดิ์ไม่นำรถยนต์มาคืน โดยนายสมศักดิ์ได้ยักยอกหรือลักทรัพย์รถยนต์คันดังกล่าวไป จำเลยผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่าความเสียหายเกิดจากคนร้ายกระทำผิดฐานฉ้อโกง พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 330,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2532 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 18,425 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า การที่รถยนต์ซึ่งเอาประกันภัยไว้กับจำเลยสูญหายไปเป็นความเสียหายหรือสูญหายอันเกิดจากการลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์โดยบุคคลที่ได้รับมอบหรือครอบครองรถยนต์ตามสัญญาเช่า เป็นกรณีที่เข้าข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 3.7.7 จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นั้น เห็นว่า การที่คนร้าย 2 คนอ้างว่าชื่อนายสมศักดิ์และนายสมพงษ์ไปขอเช่ารถยนต์คันดังกล่าวจากนายบุญลือมีกำหนด 2 วัน โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนและใบอนุญาตขับรถยนต์ปลอมแสดงต่อนายบุญลือ นายบุญลือตกลงให้เช่าโดยคิดค่าเช่า 3,000 บาท แต่เมื่อได้รับรถยนต์คันดังกล่าวไปจากนายบุญลือแล้วคนร้ายไม่นำมาคืน เป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าคนร้ายดังกล่าวมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงนายบุญลือให้ส่งมอบรถยนต์แก่คนร้ายมาตั้งแต่ต้นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าคนร้ายดังกล่าวเป็นบุคคลที่มีชื่อและภูมิลำเนาตามเอกสารปลอม มีความประสงค์จะเช่ารถยนต์นายบุญลือหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงยินยอมส่งมอบรถยนต์ให้แก่คนร้ายไป ความจริงคนร้ายแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและไม่มีความประสงค์จะเช่ารถยนต์แต่อย่างใด การกระทำของคนร้ายดังกล่าวเป็นความผิดฐานฉ้อโกง หาใช่ความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกดังที่จำเลยฎีกาไม่ กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย
พิพากษายืน

Share