แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อ 16 ปีก่อน โจทก์ได้ยกที่ดินส่วนของตนให้แก่จำเลยซึ่งเป็นบุตร ต่อมาโจทก์มีฐานะยากจนไม่มีที่อยู่อาศัยจำเลยมีฐานดีพอจะเลี้ยงดูโจทก์ได้ เมื่อโจทก์ไปขอที่ดินเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัย จำเลยพูดว่ากูไม่ให้มึงหรอกให้มึงไปขอทานลูกคนอื่น ต่อไปภายข้างหน้าเลิกนับถือเป็นพ่อลูกกันและไล่ให้โจทก์ออกจากบ้านการที่จำเลยกล่าวว่าให้มึงไปขอทานลูกคนอื่นต่อไปภายข้างหน้าเลิกนับถือเป็นพ่อลูกกันไม่เพียงแต่เป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพเท่านั้น แต่เป็นถ้อยคำที่รุนแรงซึ่งบุตรไม่พึงกล่าวต่อบิดา ทั้งจำเลยยังไล่โจทก์ออกจากบ้านอีกด้วยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง นอกจากนี้การที่โจทก์ไปขอปลูกบ้านอยู่ในที่ดินจำเลย จำเลยกลับว่ากูไม่ให้มึงหรอกและเลิกนับถือโจทก์เป็นบิดาจึงเป็นการบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้อีกด้วย ดังนี้ โจทก์ย่อมถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยผู้รับประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2)(3) ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประพฤติเนรคุณ ขอถอนคืนการให้ที่ดินแก่จำเลยให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินคืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเคารพโจทก์ในฐานะบิดา ให้ความอุปการะเลี้ยงดู จะปลูกบ้านในที่ดินพิพาทให้โจทก์อยู่ตลอดชีวิต แต่โจทก์จะให้โอนที่ดินเพื่อจะโอนให้แก่ผู้อื่น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการให้โดยให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 18364 ตำบลคอโค อำเภอเมืองสุรินทร์จังหวัดสุรินทร์ ให้โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นบุตรคนที่ 4 ของโจทก์เมื่อประมาณ 50 ปีมาแล้ว นายปิงน้องชายโจทก์ได้รับที่ดินจากนายนวล ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นพี่เขยโจทก์ ขณะนั้นที่ดินยังเป็นป่าอยู่ นายปิงถากถาง เพื่อตนเองครึ่งหนึ่งอีกครึ่งหนึ่งยกให้โจทก์ต่อมาเมื่อ 16 ปีมานี้ โจทก์ได้ยกที่ดินส่วนของตนดังกล่าวให้แก่จำเลยจำนวน 3 ไร่เศษ และให้แก่นางสมศรี สุดแก้ว บุตรอีกคนหนึ่งจำนวน 4 ไร่ แต่เนื่องจากที่พิพาทได้แจ้งการครอบครองรวมอยู่ในส.ค.1 ของนายปิง จึงต้องแจ้งในใบไต่สวนว่านายปิงเป็นผู้ยกให้ขณะฟ้องคดีโจทก์มีอายุ 81 ปีแล้ว ฐานะยากจนไม่มีที่อยู่อาศัย จำเลยมีฐานะดีพอจะเลี้ยงดูโจทก์ได้ เมื่อโจทก์ไปขอที่ดินเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัย จำเลยพูดว่า กูไม่ให้มึงหรอก ให้มึงไปขอทานลูกคนอื่นต่อไปภายข้างหน้าเลิกนับถือเป็นพ่อลูกกันและไล่ให้โจทก์ออกจากบ้านจำเลยฎีกาว่าถ้อยคำดังกล่าวเป็นเพียงถ้อยคำที่ไม่สุภาพเท่านั้นไม่ถึงขนาดหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้ถอนคืนการให้ได้นั้น เห็นว่า จำเลยเป็นบุตรโจทก์ จะต้องมีความกตัญญูและให้ความเคารพต่อบิดาผู้ให้กำเนิดตามวิสัยของบุตรทั่วไป การที่จำเลยกล่าวว่าให้มึงไปขอทานลูกคนอื่น ต่อไปภายข้าหน้าเลิกนับถือเป็นพ่อลูกกันนั้นไม่เพียงแต่เป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพเท่านั้น แต่เป็นถ้อยคำที่รุนแรงซึ่งบุตรไม่พึงกล่าวต่อบิดา ทั้งจำเลยยังไล่โจทก์ออกจากบ้านอีกด้วย จึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง นอกจากนี้การที่โจทก์ไปขอปลูกบ้านอยู่ในที่ดินจำเลย จำเลยกลับว่ากูไม่ให้มึงหรอกและเลิกนับถือโจทก์เป็นบิดา จึงเป็นการบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้อีกด้วย โจทก์จึงถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยผู้รับประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 531 ได้
พิพากษายืน