คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4976/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อความที่ลงในหนังสือพิมพ์ตามฟ้องเมื่ออ่านแล้วพอเข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นผู้ไขข่าวเป็นการใส่ความจำเลย การที่จำเลยฟ้องโจทก์ในข้อหาหมิ่นประมาทจึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายเมื่อโจทก์พิสูจน์ไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ไขข่าว ฟ้อง จำเลยจึงฟังไม่ได้ว่าเป็นความเท็จและเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และแม้จำเลยจะฟ้องโจทก์หลายศาลก็เป็นเพราะหนังสือพิมพ์ดังกล่าวมีวางจำหน่ายทั่วประเทศการใช้สิทธิของจำเลยไม่เป็นการใช้สิทธิ ซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำความเท็จฟ้องโจทก์กับพวกอีก 3 คนต่อศาลแขวงเชียงใหม่ เป็นคดีอาญาข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทโดยกล่าวหาว่าโจทก์เป็นผู้ไขข่าวให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่ากรมตำรวจได้อนุมัติให้จับจำเลยในข้อหาฆ่าภริยาของตนเองเพื่อประสงค์จะเอาทรัพย์ ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงโจทก์ไม่เคยไขข่าวหรือให้สัมภาษณ์ ต่อมาศาลแขวงเชียงใหม่มีคำสั่งให้ยกฟ้อง หลังจากนั้นจำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์กับพวกต่อศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหาเดียวกันอีก ศาลจังหวัดลำพูนให้ยกฟ้อง การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าจ้างทนายความไปดำเนินการต่อสู้คดี ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 60,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า การที่จำเลยดำเนินคดีกับโจทก์เพื่อป้องกันสิทธิของจำเลย เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต ไม่เป็นละเมิดไม่ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยฟ้องโจทก์ที่ศาลแขวงเชียงใหม่และศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหาร่วมกับพวกหมิ่นประมาทจำเลย ศาลแขวงเชียงใหม่ ไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ส่วนศาลจังหวัดลำพูน ยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้ไม่ไปศาลตามนัด และจำเลยยังได้ฟ้องโจทก์ที่ศาลอื่นในข้อหาเดียวกันอีกรวม 14 ศาล เห็นว่า การที่จำเลยฟ้องโจทก์ต่อศาลเป็นการใช้สิทธิของจำเลยตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยจะเป็นการละเมิดต่อโจทก์ก็ต่อเมื่อสิทธิที่จำเลยใช้มีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์และข้อความที่ฟ้องฝ่าฝืนต่อความจริงแล้ววินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ได้เป็นผู้ไขข่าวหนังสือพิมพ์ตามฟ้อง แล้ววินิจฉัยต่อไปว่า ข้อความที่ลงในหนังสือพิมพ์ดังกล่าว เมื่ออ่านแล้วพอเข้าใจได้ว่า โจทก์เป็นผู้ไขข่าว และข้อความดังกล่าวเป็นการใส่ความจำเลย การที่จำเลยฟ้องโจทก์ในข้อหาหมิ่นประมาทดังกล่าวจึงฟังไม่ได้ว่าเป็นความเท็จและเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและแม้ว่าจำเลยจะฟ้องโจทก์หลายศาล จำเลยก็คงเข้าใจว่าตนมีสิทธิกระทำได้ เพราะหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมีวางจำหน่ายทั่วประเทศประชาชนทั่วไปย่อมมีโอกาสอ่านและพบเห็นข้อความในหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวได้ ดังนั้นการใช้สิทธิของจำเลยดังกล่าวก็ยังไม่ได้ว่าเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์อีกเช่นกัน การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิดฎีกาโจทก์ข้ออื่นไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share