คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นตัวแทนรับมอบสลากกินแบ่งจากคณะกรมการจังหวัดมาจำหน่ายครั้นจำหน่ายแล้วไม่จัดการส่งเงินที่จำหน่ายได้ และได้ผัดผ่อนเรื่อยมาไม่ยุตติได้ พฤตติการณ์เช่นนี้ เรียกได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจจริต ต้องมีความผิดฐานยักยอก แต่ผู้ที่ช่วยเหลือจำเลยในการจำหน่ายสลากรายนี้แต่มิได้ตกลงรับมอบหมายจากคณะกรมการจังหวัดด้วยนั้นไม่มีความผิดด้วย
คดีความผิดต่อส่วนตัวเมื่อผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นฟ้องร้องว่ากล่าวภายในกำหนด 3 เดือน นับแต่วันรู้เรื่องความผิดเช่นนี้คดีไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยที่ ๑ มีตำแหน่งหน้าที่ราชการเป็นปลัดจังหวัดพระนคร คณะกรมการจังหวัดปราจีนบุรีได้มอบให้จำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งเทศบาลทั่วไปครั้งที่ ๒ โดยคิดค่าบำเหน็จให้จำเลย ๆ ได้รับมอบสลากมาจำหน่าย ๘๐๕๐๐ ฉะบับจำเลยจำหน่ายไปได้ ๓๖๖๙๕ ฉะบับ เป็นเงินที่จำเลยต้องส่ง ๓๔๑๒๖ บาท ๓๕ สตางค์ สลากที่เหลือและต้นขั้วที่จำหน่ายได้จำเลยนำส่งถูกต้องแล้ว พร้อมกับเงิน ๑๔,๑๒๖ บาท ๓๕ สตางค์ ส่วนอีก ๒๐,๐๐๐ บาทจำเลยไม่ส่งขอผัดตลอดมา ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้เร่งรัดจำเลย ๆ ได้ทำหนังสือผัดไว้ว่าจะนำส่งให้เสร็จในเดือนธันวาคม ๒๔๗๘ ครั้นถึงกำหนดจำเลยไม่นำส่ง ปลัดกระทรวงและคณะกรมการจังหวัดปราจีนจึงร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวโจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ ๑ หาว่ายักยอกพร้อมด้วยจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นหม่อม
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่พอจะชี้ขาดว่าจำเลยมีเจตนายักยอก
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยทั้ง ๒ ตามกฎหมายอาญา ม.๓๑๔
ศาลฎีกาตัดสินว่าเมื่อฟังว่าจำเลยเป็นตัวแทนของคณะกรมการจังหวัดในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรายนี้แล้ว จำเลยก็มีหน้าที่ต้องเก็บรักษาเงินที่จำหน่ายได้และส่งมอบให้ตัวการคือคณะกรมการจังหวัด เมื่อจำเลยมิได้จัดการส่งมอบให้เมื่อถูกทวงถามก็ไม่ส่งตามกำหนด และไม่แสดงเหตุที่ไม่สามารถจะส่งเงินได้ ทั้งผัดเพี้ยนมาเป็นเวลานานประกอบกับพฤตติการณ์อื่น ๆ ที่จำเลยปฏิบัติมาแสดงให้เห็นเจตนาทุจจริตของจำเลยว่าเบียดบังเอาเงินจำนวนนี้ไว้เป็นประโยชน์ตน ข้อที่จำเลยต่อสู้ว่าไม่มีเจตนาทุจจริต เพราะจำเลยได้รับอยู่เสมอมิได้ปฏิเสธนั้น ยังไม่เพียงพอจะแสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจจริต เพราะจำเลยนำสืบไม่ได้ว่าที่นำส่งเงินมิได้นั้นเพราะเหตุอย่างไรหรือว่าขณะจำเลยนำเงินนี้ไปใช้สอยนั้นจำเลยมีเงินจำนวนอื่นที่สามารถนำมาใช้แทนได้ จึงเห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ แต่จำเลยที่ ๒ นั้นไม่ปรากฎว่าได้เป็นผู้รับมอบหมายจากคณะกรมการจังหวัดด้วย แม้จะได้ช่วยเหลือจำเลยที่ ๑ ในการจำหน่ายสลากก็ดี ก็ยังไม่ควรมีความผิด ส่วนในเรื่องอายุความนั้นเห็นว่าจำเลยไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดแต่แรกจึงยังไม่มีโอกาศทราบเจตนาทุจจริตของจำเลย เมื่อได้ทราบก็ได้จัดการร้องทุกข์ภายใน ๓ เดือน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ฉะเพาะจำเลยที่ ๒ นอกนั้นยืนตาม

Share