คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3847/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่จำเลยนำใบใบ้หวยซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ที่เจ้าพนักงานการพิมพ์ได้ห้ามการขายหรือจ่ายแจก มาเสนอขายอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 9,52ก็โดยมีเจตนาเพื่อชักชวนให้ผู้อื่นเล่นการพนันสลากกินรวบอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478มาตรา 12(1) นั้นเอง จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยค้าสิ่งเทียมอาวุธปืน จำนวน 45 กระบอกโดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยได้ขาย เสนอขาย จ่ายแจกหรือเสนอจ่ายแจกใบใบ้หวยรวมหลายรายการคือสิ่งพิมพ์สูตรลับมหัศจรรย์จำนวน 250 เล่ม สิ่งพิมพ์สูตรลับหวยสด จำนวน 380 เล่มซองจดหมายติดแสตมป์จ่าหน้าซองถึงลูกค้าผู้รับ จำนวน 3,500 ซองซองจดหมายติดแสตมป์ภายในบรรจุใบใบ้หวยจำนวน 136 ซองสิ่งพิมพ์ใบใบ้หวยของอาจารย์ต่าง ๆ จำนวน 700 แผ่น รวมของกลาง5 รายการ ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ที่เจ้าพนักงานการพิมพ์ห้ามขายเสนอขาย จ่ายแจกหรือเสนอจ่ายแจก และจำเลยได้จัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยขาย เสนอขายจ่ายแจกหรือเสนอจ่ายแจกสิ่งพิมพ์ดังกล่าว ทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นการพนันสลากกินรวบโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 52, 77 พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 9, 52พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12(1) ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 52, 77 พระราชบัญญัติการพิมพ์พ.ศ. 2484 มาตรา 9, 52 พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478มาตรา 12(1) ลงโทษฐานค้าสิ่งเทียมอาวุธปืนฯ ปรับ 1,000 บาทฐานขาย เสนอขาย จ่ายแจกสิ่งพิมพ์ฯ จำคุก 2 เดือน ฐานจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ประกาศฯ สิ่งพิมพ์เพื่อให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือ เข้าพนักสลากกินรวบฯ จำคุก 6 เดือน รวมเป็นจำคุก 8 เดือนและปรับ 1,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน และปรับ 500 บาท ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน ริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษจำคุก ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยอ้างว่าจำเลยให้การรับสารภาพต่อพนักงานสอบสวนในคดีนี้เพราะหลงเชื่อว่าจะได้รับโทษปรับเพียงสถานเดียวโดยไม่ต้องถูกลงโทษจำคุกนั้นเป็นข้อที่จำเลยมิได้กล่าวอ้างในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำเลยเพิ่งมากล่าวอ้างขึ้นลอย ๆ ในชั้นศาลฎีกาเท่านั้น ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยคดีมีปัญหาวินิจฉัยตามข้อฎีกาของจำเลยแต่เฉพาะว่าความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 และพระราชบัญญัติการพิมพ์พ.ศ. 2484 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทหรือไม่และสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ พิเคราะห์แล้วที่จำเลยฎีกาว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 และความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทนั้นเห็นว่า การที่จำเลยนำใบใบ้หวยซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ที่เจ้าพนักงานการพิมพ์ได้ห้ามการขายหรือจ่ายแจก มาเสนอขาย อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 9, 52 นั้น การกระทำของจำเลยดังกล่าวก็โดยมีเจตนาเพื่อชักชวนให้ผู้อื่น เล่นการพนันสลากกินรวบอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12(1) นั่นเอง กรณีจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่การใช้กฎหมายลงโทษจำเลยต้องลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 หาใช่ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 ดังที่จำเลยเข้าในไม่ ฎีกาจำเลยข้อนี้ ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484มาตรา 9, 52 และตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12(1)เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 อันเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน และปรับ 1,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 3 เดือน และปรับ 500 บาทเมื่อรวมกับโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นปรับจำเลย 500 บาท แล้ว รวมจำคุกจำเลย3 เดือน และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share