คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3766/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลพิพากษาตามยอมได้ระบุไว้โดยชัดเจนว่าโจทก์จะยกที่ดินพิพาทด้านทิศเหนือโดยวัดจากกึ่งกลางถนนเป็นเนื้อที่ 4 ไร่ 3 งาน78 ตารางวา ให้แก่จำเลย แสดงว่าคู่ความทำสัญญาโดยมุ่งที่จะรังวัดที่ดินเพื่อยกให้แก่จำเลยในจำนวนดังกล่าว ส่วนการที่คู่สัญญาใช้ถ้อยคำว่า “ประมาณ” ก็เพียงเพื่อในกรณีที่ลักษณะของที่ดินไม่อาจรังวัดแบ่งแยกออกได้เนื้อที่แน่นอนในจำนวนดังกล่าวก็ให้ได้เนื้อที่ที่ใกล้เคียงกับจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาที่สุด ดังนั้น เมื่อการรังวัดยังไม่ได้ตำแหน่งและเนื้อที่ดินตามสัญญา การที่โจทก์ยังมิได้โอนที่ดินให้แก่จำเลยตามยอมจะถือว่าโจทก์ผิดสัญญายอมไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์ทั้งสองโดยไม่มีสัญญาเช่า โจทก์ทั้งสองแจ้งให้จำเลยออกไปจากที่ดินแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยขอให้ขับไล่จำเลย และให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าจำเลยอาศัยอยู่ในบ้านนายฉิวบิดาจำเลยซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโจทก์ เมื่อนายฉิวตายจำเลยกับพวกก็ได้ครอบครองต่อมาจนได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแล้วด้วยการครอบครองปรปักษ์ ขอให้ยกฟ้อง ต่อมาโจทก์ทั้งสองและจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมว่าโจทก์ทั้งสองตกลงยกที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 8545 เลขที่ดิน 68 ตำบลทุ่งขวางอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ทางด้านทิศเหนือโดยวัดจากกึ่งกลางถนน เป็นเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ 3 งาน 78 ตารางวา ให้จำเลย โจทก์ทั้งสองจะรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินดังกล่าวให้จำเลยและจะโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยหรือบุคคลอื่นตามความประสงค์ของจำเลยภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดิน ในการรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินโจทก์ทั้งสองและจำเลยตกลงที่จะออกค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการรังวัดคนละครึ่งส่วนค่าธรรมเนียมและค่าภาษีในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้จำเลย ฝ่ายจำเลยเป็นผู้ชำระโจทก์ทั้งสองและจำเลยตกลงที่จะกันที่ดินเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยวัดจากกึ่งกลางถนนออกไปด้านละ 4 เมตร จำเลยตกลงที่จะให้ความร่วมมือและไม่คัดค้านในการรังวัดที่ดิน หากจำเลยและโจทก์ทั้งสองไม่ปฏิบัติตามสัญญาให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ต่อมาจำเลยยื่นคำแถลงว่า เมื่อถึงกำหนดโจทก์ทั้งสองไม่โอนที่ดินให้จำเลยขอให้นัดพร้อมเพื่อสอบถามโจทก์ทั้งสองเพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมต่อไป
ศาลชั้นต้นนัดพร้อมและมีคำสั่งว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความคู่ความตกลงกันโดยโจทก์ทั้งสองจะยกที่ดินโฉนดเลขที่ 8545 ดังกล่าว ด้านทิศเหนือโดยวัดจากกึ่งกลางถนนเป็นเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ 3 งาน 78 ตารางวา ให้จำเลย โดยโจทก์ทั้งสองและจำเลยต้องกันที่ดินเป็นทางสาธารณประโยชน์วัดจากกึ่งกลางถนนออกไปด้านละ 4 เมตร ตามสัญญาประนีประนอมยอมความจึงหมายความว่าโจทก์ทั้งสองจะยกที่ดินด้านทิศเหนือให้จำเลยเป็นเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 4 ไร่ 3 งาน 78 ตารางวา เมื่อการรังวัดที่ดินในส่วนที่โจทก์ทั้งสองจะยกให้ดังกล่าวปรากฏว่าได้ถึง6 ไร่เศษ คดีจึงต้องมีการรังวัดใหม่เพื่อให้ได้ที่ดินที่โจทก์ทั้งสองจะยกให้มีเนื้อที่ประมาณ4 ไร่ 3 งาน 78 ตารางวา ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสองเป็นฝ่ายผิดสัญญาให้คู่ความไปดำเนินการตามสัญญาประนีประนอมยอมความต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า ตามที่สัญญาประนีประนอมยอมความระบุว่าโจทก์ทั้งสองตกลงยกที่ดินพิพาททางด้านทิศเหนือโดยวัดจากกึ่งกลางถนน เป็นเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ 3 งาน 78 ตารางวา ให้แก่จำเลย รายละเอียดปรากฏตามรูปแผนที่แนบท้ายสัญญาประนีประนอมยอมความ ย่อมมีความหมายว่า จำนวนเนื้อที่ดินที่ระบุไว้เป็นเพียงการประมาณการที่ดินที่จำเลยได้ครอบครองไว้ ส่วนที่ดินจะมีจำนวนเท่าใดเป็นที่แน่นอนจะต้องทำการรังวัดว่าที่ดินที่จำเลยครอบครองมีเพียงใด เมื่อการรังวัดได้ความว่าที่ดินที่จำเลยครอบครองมีเนื้อที่ 6 ไร่เศษ โจทก์จึงต้องโอนที่ดินจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลยนั้น เห็นว่า สัญญาประนีประนอมยอมความได้ระบุข้อตกลงไว้โดยชัดเจนว่าโจทก์จะยกที่ดินพิพาทด้านทิศเหนือโดยการวัดจากกึ่งกลางถนน เป็นเนื้อที่ประมาณ4 ไร่ 3 งาน 78 ตารางวา แสดงว่าคู่ความทำสัญญาโดยมุ่งที่จะรังวัดที่ดินเพื่อยกให้แก่จำเลยในจำนวนดังกล่าว เพราะหากโจทก์ต้องการจะยกที่ดินที่จำเลยครอบครองทั้งหมดโดยไม่คำนึงถึงเนื้อที่ คู่ความก็ไม่จำต้องระบุเนื้อที่โดยละเอียดลงไว้ในสัญญาส่วนการที่คู่สัญญาใช้ถ้อยคำว่า “ประมาณ” ก็เพียงเพื่อในกรณีที่ลักษณะของที่ดินไม่อาจรังวัดแบ่งแยกออกได้เนื้อที่แน่นอนในจำนวนดังกล่าวก็ให้รังวัดให้ได้เนื้อที่ที่ใกล้เคียงกับจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาให้มากที่สุด ดังนั้น เมื่อการรังวัดยังไม่ได้ตำแหน่งและเนื้อที่ดินตามสัญญา แม้โจทก์ทั้งสองยังมิได้โอนที่ดินให้แก่จำเลยตามยอมก็ไม่อาจฟังได้ว่าโจทก์ทั้งสองผิดสัญญา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นนั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share