แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
บ้านพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการขายฝาก จึงมิใช่ทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา การที่โจทก์ขอให้บังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการให้โจทก์เข้าครอบครองบ้านพิพาทนั้นเป็นการใช้สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิที่จะยึดไว้มิใช่เป็นการบังคับคดี หรือบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจึงไม่เข้าเกณฑ์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในอันที่ผู้ร้องจะขอกันส่วนบ้านพิพาทได้ ทั้งนี้ เพราะการร้องขอกันส่วนได้แก่การที่บุคคลภายนอกผู้เป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่มีการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินนั้น หรือขอให้เอาเงินที่ได้จากการขายหรือจำหน่ายทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษามาชำระหนี้ของตนก่อนเจ้าหนี้อื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287หรือ 289 แล้วแต่กรณี
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวาร และส่งมอบบ้านพิพาทคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยแต่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงขอให้บังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้จัดการให้โจทก์ครอบครองบ้านพิพาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์ยึดบ้านพิพาท และนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินเป็นของผู้ร้องกับจำเลยซึ่งได้มาระหว่างเป็นสามีภริยาผู้ร้องจึงมีกรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่ง ขอให้มีคำสั่งกันส่วนของผู้ร้องออกจากการบังคับคดี
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องเจตนาประวิงการบังคับคดีคำร้องต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลเช่นเดียวกับกรณีร้องขัดทรัพย์ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้กันส่วนเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดกึ่งหนึ่งให้ผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ตามที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องมีสิทธิขอกันส่วนบ้านพิพาทหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าบ้านพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการขายฝากบ้านพิพาทจึงมิใช่ทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาแต่อย่างใด การที่โจทก์ขอให้บังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการให้โจทก์เข้าครอบครองบ้านพิพาทนั้น เป็นการใช้สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิที่จะยึดไว้มิใช่เป็นการบังคับคดีหรือบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา จึงไม่เข้าเกณฑ์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในอันที่ผู้ร้องจะขอกันส่วนบ้านพิพาทในคดีนี้ได้ ทั้งนี้เพราะการร้องขอกันส่วน ได้แก่การที่บุคคลภายนอกผู้เป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่มีการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินนั้น หรือขอให้เอาเงินที่ได้จากการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษามาชำระหนี้ของตนก่อนเจ้าหนี้อื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 หรือ 289 แล้วแต่กรณีศาลอุทธรณ์พิพากษาให้กันส่วนเฉพาะเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดรวม 5 รายการ ให้แก่ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน