คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3994/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนว่าได้รับจ้างขนยาเสพติดให้โทษของกลางจาก ห. โดยไม่ปรากฏว่า ห. มีตัวตนจริงหรือไม่ และได้มีการขยายผลจับกุม ห. ได้หรือไม่อย่างใด ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าคำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นการให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานสอบสวน ย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคสอง, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83 ให้ลงโทษประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คงจำคุกตลอดชีวิต ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาสรุปได้ว่า พยานโจทก์เบิกความปรักปรำจำเลย และโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานใดที่น่าเชื่อถือและรับฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิด เป็นทำนองว่าจำเลยมิได้กระทำความผิดตามฟ้องนั้น เห็นว่า ชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านว่า จำเลยมิได้กระทำความผิดตามฟ้อง จำเลยเพียงแต่อุทธรณ์ว่า จำเลยเป็นเพียงผู้รับจ้างขนยาเสพติดให้โทษของกลาง ขอให้ลงโทษสถานเบา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เป็นการวินิจฉัยโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยกระทำความผิดหรือไม่จึงเป็นอันถึงที่สุดตามบทกฎหมายนั้น ฎีกาของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นฎีกาต้องห้ามตามกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยในข้อนี้เป็นการมิชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า สมควรลงโทษจำเลยสถานเบากว่าที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาหรือไม่ เห็นว่า เมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษซึ่งมีพิษภัยร้ายแรง นอกจากจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพอนามัยของผู้เสพเองแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมและเป็นต้นเหตุของปัญหาสังคมอีกหลายประการ ทั้งผู้เสพที่มีอาการมึนเมาแอมเฟตามีน ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและร่างกายผู้อื่นได้โดยง่าย การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนับเป็นต้นเหตุในการทำให้ยาเสพติดให้โทษแพร่ระบาดสู่ประชาชน อันเป็นการทำให้ผู้คนตกเป็นทาสของยาเสพติดให้โทษเพิ่มมากขึ้น ลักษณะของความผิดนับว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อประชาชนทั่วไป สามารถทำลายทรัพยากรมนุษย์ และบั่นทอนความสงบสุขของสังคมโดยส่วนรวม ประกอบกับเมทแอมเฟตามีนของกลางในคดีนี้มีจำนวนมากถึง 110,000 เม็ด น้ำหนัก 10,641.5 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 2,192.8 กรัม หากแพร่ระบาดสู่ประชาชนย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นเรื่องร้ายแรงที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจวางโทษประหารชีวิตจำเลย แล้วลดโทษให้กึ่งหนึ่งโดยให้ลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ที่จำเลยยกขึ้นอ้างในฎีกาว่า จำเลยได้ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจตลอดมา จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นได้ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 นั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้รับฟังได้เพียงว่า จำเลยให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนว่า ได้รับจ้างขนยาเสพติดให้โทษของกลางจากนายหรั่ง ดอนปัญญาไพร โดยไม่ปรากฏว่านายหรั่งมีตัวตนจริงหรือไม่ และได้มีการขยายผลจับกุมนายหรั่งได้หรือไม่อย่างใด ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าคำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นการให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานสอบสวน ย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share