คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4791/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บุริมสิทธิพิเศษในมูลจ้างทำของเป็นการงานทำขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์ เจ้าหนี้ต้องทำประมาณราคาชั่วคราวไปบอกลงทะเบียนไว้ก่อนเริ่มลงมือทำการก่อสร้างอาคาร เพื่อให้มีผลบริบูรณ์เป็นบุริมสิทธิพิเศษใช้ยันเจ้าหนี้อื่นในการที่จะได้รับชำระหนี้เหนือที่ดินของลูกหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น หากเจ้าหนี้มิได้จดทะเบียนไว้ย่อมไม่มีบุริมสิทธิพิเศษเหนือที่ดินของลูกหนี้และไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น และถือไม่ได้ว่าเจ้าหนี้เป็นเจ้าหนี้มีประกันตามความหมายในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯเจ้าหนี้คงอยู่ในฐานะที่จะขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยอย่างเจ้าหนี้สามัญเท่านั้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้าขอให้ล้มละลายศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งห้าเด็ดขาดเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันประเภทบุริมสิทธิพิเศษในมูลจ้างทำของเป็นการงานทำขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์ คือหนี้ค่าจ้างก่อสร้างอาคารเป็นเงิน 37,463,920.06 บาท จากกองทรัพย์สินจำเลยที่ 3 (ลูกหนี้)
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นว่า แม้เจ้าหนี้จะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างตึกลงบนที่ดิน ของจำเลยที่ 3 ก็ตามแต่คู่กรณีก็หาได้จดทะเบียนบุริมสิทธิพิเศษในมูลหนี้จ้างทำของนั้นไว้ต่อกันไม่ เมื่อบุริมสิทธิพิเศษดังกล่าวไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย บุริมสิทธิพิเศษนั้นก็ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 289 ประกอบด้วยมาตรา 115 และ714 เจ้าหนี้จะยกบุริมสิทธิพิเศษขึ้นกล่าวอ้างเพื่อให้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นหาได้ไม่คงให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 เป็นเงิน32,773,368.78 บาท อย่างเจ้าหนี้สามัญ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว อนุญาตให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้จำนวน32,773,368.78 บาท ได้อย่างเจ้าหนี้สามัญ ส่วนที่ขอเกินมาให้ยก
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เมื่อข้อเท็จจริงแห่งคดีรับฟังได้ว่าเจ้าหนี้ได้ก่อสร้างอาคารขึ้นบนที่ดินของจำเลยที่ 3 ตามสัญญาจ้างเหมาระหว่างเจ้าหนี้กับจำเลยที่ 3 ทำให้ราคาที่ดินของจำเลยที่ 3 ในปัจจุบันสูงขึ้น หนี้ค่าก่อสร้างจึงมีอยู่เป็นคุณแก่เจ้าหนี้เป็นเงิน 32,773,368.78 บาท ทำให้เจ้าหนี้มีบุริมสิทธิในมูลจ้างทำของเหนือที่ดินของจำเลยที่ 3 ในหนี้ค่าก่อสร้างดังกล่าวแต่ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 286 ได้บัญญัติข้อความให้เห็นว่าบุริมสิทธิในมูลจ้างทำของให้ผลต่อไปต่อเมื่อได้จดทะเบียนกล่าวคือ เจ้าหนี้ต้องทำประมาณราคาชั่วคราวไปบอกลงทะเบียนไว้ก่อนเริ่มลงมือทำการก่อสร้างอาคาร เพื่อให้มีผลบริบูรณ์เป็นบุริมสิทธิพิเศษใช้ยันเจ้าหนี้อื่นในการที่จะได้รับชำระหนี้เหนือที่ดินของจำเลยที่ 3 ต่อไปก่อนเจ้าหนี้อื่น เมื่อหนี้ค่าก่อสร้างอาคารดังกล่าวมิได้จดทะเบียนไว้ตามมาตรา 286 เจ้าหนี้จึงไม่มีบุริมสิทธิพิเศษเหนือที่ดินของจำเลยที่ 3 และไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ดังนั้นจึงถือไม่ได้ว่าเจ้าหนี้เป็นเจ้าหนี้มีประกันตามความหมายในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 เจ้าหนี้อยู่ในฐานะที่ขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 ได้อย่างเจ้าหนี้สามัญตามมาตรา 130(8) แห่งพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้ค่าก่อสร้างจำนวน 32,773,368.78 บาท ได้อย่างเจ้าหนี้สามัญ ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล ฎีกาของเจ้าหนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share