แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 3 เดือนปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน โดยไม่ปรับและไม่รอการลงโทษ เป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218,219 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 30)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 มาตรา 31,38 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 270,32,33 จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270 จำคุก 3 เดือน ปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับและไม่รอการลงโทษให้จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 28)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 30)
คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน และปรับ 3,000 บาท เป็นว่าไม่รอการลงโทษและไม่ปรับ แต่คงลงโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่เกิน 1 ปีคดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499มาตรา 4 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2517 มาตรา 3 จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุก เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ยกคำร้อง