คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4749/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 57 หมายความว่า คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดจะต้องฟ้อง คชก.จังหวัดเพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดเพราะตราบใดคำวินิจฉัยดังกล่าวยังไม่ถูกเพิกถอน ต้องถือว่าคำวินิจฉัยยังมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมายดังนี้ เมื่อโจทก์ในฐานะผู้เช่าไม่ฟ้อง คชก.จังหวัด เพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยที่ให้โจทก์ซื้อที่ดินที่เช่าจากจำเลยทั้งสามในราคาไร่ละ 250,000 บาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินที่เช่าให้ขายให้แก่โจทก์ตามราคาที่โจทก์ต้องการ การแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องโดยขอเพิ่มคำขอท้ายฟ้องให้ศาลเพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดโดยโจทก์ไม่ได้ฟ้อง คชก.จังหวัดด้วยนั้นเป็นคำขอที่ศาลไม่อาจพิพากษาบังคับตามคำขอได้ ศาลจึงชอบที่จะไม่อนุญาต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 7308 ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ของนางฉวี ขวัญอ่อนและที่ดินโฉนดเลขที่ 7309 ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อจังหวัดสมุทรปราการ ของนางสุวรรณ เขียวชะอุ่มงามเพื่อใช้ในการทำนา ต่อมาวันที่ 4 เมษายน 2530 นางฉวี และนางสุวรรณได้ขายที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวให้แก่จำเลยทั้งสามในราคาไร่ละ 30,000 บาท โดยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนโจทก์เคยติดต่อขอซื้อที่ดินคืนจากจำเลยทั้งสาม แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย โจทก์จึงร้องขอต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตำบลคลองสวนให้มีคำวินิจฉัย คณะกรรมการพิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัยให้โจทก์ซื้อที่ดินทั้งสองแปลงจากจำเลยทั้งสามในราคาไร่ละ 250,000บาท โจทก์ไม่พอใจจึงได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดสมุทรปราการ คณะกรรมการพิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัย ยืนตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตำบลคลองสวน คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จังหวัดสมุทรปราการไม่ถูกต้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามขายที่ดินพิพาททั้งสองแปลงให้โจทก์ในราคาไร่ละ 30,000 บาท ถ้าจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นผู้เช่าที่ดินพิพาทคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตำบลคลองสวนและคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดสมุทรปราการชอบแล้วเพราะปัจจุบันที่ดินพิพาทมีราคาไร่ละ 350,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง หรือให้โจทก์ซื้อที่ดินคืนจากจำเลยทั้งสามในราคาไร่ละ350,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำฟ้องและคำให้การแล้ว เห็นว่า คดีวินิจฉัยได้ จึงให้งดการสืบพยานโจทก์พยานจำเลยและนัดฟังคำพิพากษาก่อนถึงวันนัดโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยและขอให้ศาลเพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดมาด้วย ศาลจึงไม่อาจบังคับให้จำเลยทั้งสามขายที่ดินพิพาทแก่โจทก์ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยโดยไม่จำต้องฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดสมุทรปราการนั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 57 บัญญัติว่า “คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาที่ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด มีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัย คชก.จังหวัด แต่จะต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ คชก.จังหวัดมีคำวินิจฉัย” ซึ่งหมายความว่าโจทก์ซึ่งเป็นคู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดจะต้องฟ้อง คชก.จังหวัดเพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด เพราะตราบใดคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด ยังไม่ถูกเพิกถอน ต้องถือว่าคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดยังมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย คดีนี้โจทก์ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดสมุทรปราการ แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้อง คชก.จังหวัดสมุทรปราการเพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดสมุทรปราการ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินที่เช่าให้ขายที่ดินที่เช่าให้แก่โจทก์ตามราคาที่โจทก์ต้องการแต่เป็นราคาที่แตกต่างไปจากราคาตามคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดสมุทรปราการได้ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้ยื่นขอเพิ่มเติมฟ้องก่อนศาลทำการชี้สองสถานและสืบพยาน ศาลต้องอนุญาตให้เพิ่มเติมฟ้องได้ การไม่อนุญาตโดยไม่มีเหตุผลจึงไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องคชก.จังหวัดสมุทรปราการเพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดสมุทรปราการ และไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้ดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้ว การที่โจทก์ขอเพิ่มเติมคำขอท้ายฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดสมุทรปราการ จึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดีแต่อย่างใด เพราะศาลไม่อาจพิพากษาบังคับตามคำขอได้ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องและพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share