คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4367/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสี่ร่วมกับ ก.ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ โดยสมคบร่วมกันขุดหน้าที่ดินของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาตทำให้โจทก์เสียหายเท่านั้น มิได้บรรยายฟ้องถึงว่า จำเลยที่ 3ผู้เป็นลูกจ้างได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2อันจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดดังกล่าว จึงเป็นการบรรยายฟ้องถึงข้ออ้างที่เป็นหลักแห่งข้อหา หรือเหตุที่จะต้องรับผิดเฉพาะการที่ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์เท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้กระทำละเมิดไปในทางการที่จ้างและจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดดังกล่าวนั้น จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามมาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ดูแลจัดการที่ดินของวัดอรัญญิก(วัดร้าง) นายกุ่ย พลเจียก ทำสัญญาเช่าที่ดินของวัดดังกล่าวจนกระทั่งนายกุ่ยถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2528จำเลยที่ 1 เป็นภรรยาและทายาทของนายกุ่ย จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 เป็นลูกจ้างจำเลยทั้งสี่และนายกุ่ยร่วมกันขุดหน้าดินที่เช่าดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์อันเป็นการละเมิดและผิดสัญญาเช่าต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน 450,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ให้การว่า ไม่ได้ร่วมกระทำละเมิดตามฟ้องทั้งไม่ได้เป็นคู่สัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวในระหว่างเกิดเหตุด้วย จึงไม่ต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 2 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมทำละเมิดและไม่ได้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 เพียงแต่ให้จำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนจัดหาดินมาทำถนนซึ่งจำเลยที่ 4 เป็นผู้จัดหาดินมาขายให้จำเลยที่ 2 โดยสุจริต แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 ไม่ได้ซื้อดินจากจำเลยที่ 4 เลย เพราะหมดงานดินแล้ว จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4ร่วมกันชำระเงินจำนวน 150,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยแต่ทั้งนี้เฉพาะจำเลยที่ 1 ไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่ตน สำหรับจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
โจทก์และจำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดชำระเงินจำนวน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย กับให้ร่วมรับผิดชำระค่าฤชาธรรมเนียมตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้แก่โจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 3 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสี่ร่วมกับนายกุ่ย พลเจียก ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ โดยสมคบร่วมกันขุดหน้าดินของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้โจทก์เสียหายเท่านั้นโจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงว่า จำเลยที่ 3 ผู้เป็นลูกจ้างได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 อันจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดดังกล่าวจึงเป็นการบรรยายฟ้องถึงข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา หรือเหตุที่จะต้องรับผิดเฉพาะการที่ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์เท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้กระทำละเมิดไปในทางการที่จ้างและจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดดังกล่าวด้วยนั้น จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องต้องห้ามตามมาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share