แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาซื้อขายสินค้ามีข้อตกลงว่า หากจำเลยผู้ซื้อผิดสัญญาไม่ชำระค่าสินค้า จำเลยยอมชำระดอกเบี้ยและค่าติดตามทวงถามในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน หรือร้อยละ 24 ต่อปี เมื่อมิใช่สัญญากู้ยืมเงิน จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 จึงมีผลใช้บังคับได้ แต่ข้อตกลงดังกล่าวมีลักษณะเป็นการทำสัญญากำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าเสมือนเบี้ยปรับ ซึ่งศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดลงได้ตามที่เห็นสมควร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ซื้อสินค้ากระดาษไปจากโจทก์ ตกลงชำระค่าสินค้าให้แก่โจทก์ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ได้รับสินค้า หากไม่ชำระภายในกำหนดยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยและค่าติดตามทวงถามจากจำเลยได้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน หรือร้อยละ24 ต่อปี จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ แต่เช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 24 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาการออกเช็คเป็นการค้ำประกันการชำระหนี้เท่านั้น ข้อตกลงที่ยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยและค่าติดตามทวงถามในอัตราตามฟ้องขัดต่อกฎหมายขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,764,654.80บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชดใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี คลาดเคลื่อนต่อกฎหมายนั้น เห็นว่าสัญญาซื้อขายสินค้าตามฟ้องระหว่างโจทก์กับจำเลย มิใช่สัญญากู้ยืมเงิน ดังนั้น ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ว่า หากจำเลยไม่ชำระราคาค่าซื้อสินค้าภายในกำหนดจำเลยยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยและค่าติดตามทวงถามได้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนหรือร้อยละ 24 ต่อปี จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 กรณีจึงหาใช่ว่า โจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงข้อห้ามตามกฎหมายดังกล่าว กรณีกลับถือได้ว่าเจตนาของโจทก์จำเลยในการทำสัญญาโดยบ่งข้อตกลงดังว่านั้นมีลักษณะเป็นการทำสัญญาด้วย ข้อตกลงกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าให้คิดดอกเบี้ยและค่าติดตามทวงถามเสมือนเป็นเบี้ยปรับประการหนึ่ง ซึ่งศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ในเมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของโจทก์ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย หากจำเลยไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสมควร
พิพากษายืน