คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2863/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างหลักฐานการส่งออกสินค้ารายพิพาทของร้าน ช. ภาระการพิสูจน์ถึงความถูกต้องแท้จริงของเอกสารดังกล่าวย่อมตกแก่โจทก์ เมื่อเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงภาพถ่ายเอกสารที่ศุลกากรเมืองฮ่องกง ผู้เป็นเจ้าของเอกสารมิได้รับรองความถูกต้องและพยานโจทก์ผู้ไปติดต่อขอมาเคยเบิกความในคดีอาญาเป็นทำนองว่าไม่ได้เห็นต้นฉบับย่อมไม่เพียงพอให้รับฟังว่าเอกสารดังกล่าวเป็นภาพถ่ายเอกสารที่ถ่ายจากหลักฐานการส่งออกสินค้ารายพิพาทที่ร้านช.ยื่นต่อศุลกากรเมืองฮ่องกงที่แท้จริง การประเมินให้จำเลยที่ 1 ชำระภาษีเพิ่มสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 ได้รับภาพถ่ายเอกสารหลักฐานการส่งออกสินค้ารายพิพาทเพียงประการเดียว แล้วประเมินโดยถือว่าราคาซื้อขายตามที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าวเป็นราคาซื้อขายที่แท้จริง มิได้ทำการประเมินโดยเปรียบเทียบราคาสินค้าในท้องตลาดหรือราคาที่ผู้อื่นนำเข้าในเวลาใกล้เคียงกัน หรือราคากลางของกองวิเคราะห์ราคาที่ถือเป็นเกณฑ์ในการประเมินตามปกติ แต่เมื่อภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวยังรับฟังไม่ได้ว่าเป็นภาพถ่ายเอกสารที่ถูกต้องแท้จริง จะถือว่าราคาที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าวเป็นราคาซื้อขายสินค้ารายพิพาทที่แท้จริงย่อมมิได้ ทั้งปรากฏว่าราคาสินค้ารายพิพาทที่จำเลยที่ 1 ชำระให้แก่ผู้ขายตามใบกำกับสินค้าและเอกสารควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรงตามราคาที่จำเลยที่ 1 สำแดงเพื่อเสียภาษี การประเมินให้จำเลยที่ 1ชำระภาษีเพิ่มเติมของโจทก์ที่ 1 จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยที่ 1 สั่งและนำเข้าสินค้าโดยสำแดงราคาต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดอันเป็นการสำแดงเท็จเป็นเหตุให้อากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลที่จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องชำระแก่โจทก์ขาดไป เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์ที่ 1 ได้ประเมินภาษีอากร และแจ้งการประเมินให้จำเลยทั้งสองนำเงินภาษีอากรที่จะต้องชำระเพิ่มไปชำระให้ครบถ้วน จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินภาษีอากรที่จะต้องชำระเพิ่มพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้สำแดงราคาเท็จราคาสินค้าที่สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าทุกรายการเป็นราคาที่แท้จริงในท้องตลาดซึ่งได้มีการซื้อขายกันจริงและตรงตามราคาสินค้าในใบกำกับสินค้า จำเลยที่ 1 ชำระภาษีอากรถูกต้องแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่เจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 ประเมินภาษีอากรเพิ่มเติมเนื่องจากเห็นว่าจำเลยที่ 1 สำแดงราคาสินค้าที่นำเข้าต่ำไปโดยถือราคาตามที่ปรากฏในเอกสารหมาย จ.1 แผ่นที่ 14,25, 31, 40, 49, 57, 66, 75 และ 84 เป็นราคาซื้อขายที่แท้จริง เห็นว่า เอกสารดังกล่าวเจ้าหน้าที่ศุลกากรเมืองฮ่องกงมิได้รับรองความถูกต้อง คงมีเพียงนายวรชัย ศิริสุทธิกุล พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้ไปติดต่อขอมาจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรเมืองฮ่องกงเบิกความรับรองความถูกต้องโดยยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรเมืองฮ่องกงนำต้นฉบับมาให้พยานดูก่อนถ่ายเอกสาร แต่ก่อนหน้านี้นายวรชัยเคยเข้าเบิกความเป็นพยานโจทก์ในคดีอาญาที่พนักงานอัยการ กรมอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้ารายพิพาทว่าพยานเพียงแต่ส่งหลักฐานการนำเข้าสินค้ารายพิพาทไปให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเมืองฮ่องกงตรวจสอบ ต่อมาอีก 3 เดือน ก็ได้รับภาพถ่ายเอกสารหลักฐานการส่งออกสินค้ารายพิพาทของร้านซองฟัดฮองพยานไม่ได้อยู่ด้วยตอนที่มีการถ่ายเอกสาร แต่สันนิษฐานว่าถ่ายจากเอกสารที่แท้จริง ปรากฏตามบันทึกคำให้การของนายวรชัยในสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ 9883/2532 ของศาลอาญา การที่นายวรชัยเบิกความในคดีดังกล่าวเป็นทำนองว่าไม่ได้เห็นต้นฉบับ ย่อมทำให้คำเบิกความของนายวรชัยในคดีนี้ที่ว่าได้เห็นต้นฉบับเอกสารดังกล่าวด้วยมีน้ำหนักน้อย โจทก์ทั้งสองเป็นฝ่ายกล่าวอ้างเอกสารดังกล่าวภาระการพิสูจน์ถึงความถูกต้องแท้จริงของเอกสารย่อมตกแก่โจทก์เมื่อเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงภาพถ่ายเอกสารที่ศุลกากรเมืองฮ่องกงผู้เป็นเจ้าของเอกสารมิได้รับรองความถูกต้อง ลำพังคำเบิกความของนายวรชัยดังกล่าวซึ่งมีน้ำหนักน้อยดังได้วินิจฉัยมาโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นประกอบ ย่อมไม่เพียงพอให้รับฟังว่า เอกสารดังกล่าวเป็นภาพถ่ายเอกสารที่ถ่ายจากหลักฐานการส่งออกสินค้ารายพิพาทที่ร้านซองฟัดฮองยื่นต่อศุลกากรเมืองฮ่องกงที่แท้จริง นอกจากนี้นายวัฒนา ขัณฑ์ชลา นายวิสิทธิ์ เหมาะประเสริฐกุล และนางจิราภรณ์ แสงวิรุณ เจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 ผู้ทำการประเมินให้จำเลยที่ 1 ชำระภาษีเพิ่มเติมพยานโจทก์เองเบิกความตรงกันว่าการประเมินให้จำเลยที่ 1 ชำระภาษีเพิ่มสืบเนื่องจากได้รับภาพถ่ายเอกสารหลักฐานการส่งออกสินค้ารายพิพาทเพียงประการเดียวจึงประเมินโดยถือว่าราคาซื้อขายตามที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าวเป็นราคาซื้อขายที่แท้จริงมิได้ทำการประเมินโดยเปรียบเทียบกับราคาสินค้าในท้องตลาดหรือราคาที่ผู้อื่นนำเข้าในเวลาใกล้เคียงกันหรือบัตรราคากลางของกองวิเคราะห์ราคาที่ถือเป็นหลักเกณฑ์ในการประเมินตามปกติ แต่เมื่อภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวยังรับฟังไม่ได้ว่าเป็นภาพถ่ายเอกสารที่ถูกต้องแท้จริง จะถือว่าราคาที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าวเป็นราคาซื้อขายสินค้ารายพิพาทที่แท้จริงย่อมมิได้ทั้งปรากฏจากคำเบิกความของนางสาวพิมพา บุรุษานนท์ พนักงานธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาสามยอด พยานจำเลยทั้งสองว่าราคาสินค้ารายพิพาทที่จำเลยที่ 1 ชำระให้แก่ผู้ขายตามใบกำกับสินค้าและเอกสารควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรงตามราคาที่จำเลยที่ 1สำแดงเพื่อเสียภาษี การประเมินให้จำเลยที่ 1 ชำระภาษีเพิ่มเติมของโจทก์ที่ 1 จึงไม่ชอบ
พิพากษายืน

Share