คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2555/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องที่จำเลยยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นการโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ โดยขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ มิใช่เป็นการโต้แย้งว่าการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกหรือการลงมติของโจทก์เป็นการประชุมหรือการลงมติที่ไม่ชอบ ทั้งจำเลยเพิ่งยื่นคำร้องดังกล่าวภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยล้มละลายแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ยกเรื่องมติที่ประชุมเจ้าหนี้ไม่ชอบขึ้นโต้แย้งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือต่อศาลชั้นต้นมาก่อน จำเลยจึงไม่อาจยกปัญหาที่เกี่ยวกับมติที่ประชุมเจ้าหนี้ว่าชอบหรือไม่ ขึ้นอุทธรณ์ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานศาลชั้นต้นว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรก จำเลยมิได้ยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย ที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ลงมติขอให้จำเลยล้มละลาย ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2532ให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 61
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ โดยอ้างว่าโจทก์มิได้ลงชื่อในคำขอรับชำระหนี้ แต่ให้ทนายโจทก์ลงชื่อแทนถือว่าโจทก์มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ไม่มีสิทธิที่จะเข้าประชุมและลงมติในที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรก โดยยื่นคำร้องดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์หลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว เช่นนี้ เห็นว่าคำร้องดังกล่าวเป็นการโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ มิใช่เป็นการโต้แย้งว่าการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกหรือการลงมติของโจทก์เป็นการประชุมหรือการลงมติที่ไม่ชอบ ทั้งจำเลยเพิ่งยื่นคำร้องดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยล้มละลายแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าปัญหาที่จำเลยยกขึ้นอุทธรณ์เกี่ยวกับมติที่ประชุมเจ้าหนี้ว่าชอบหรือไม่ จำเลยได้ยกขึ้นโต้แย้งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือต่อศาลชั้นต้นมาก่อนแล้ว
พิพากษายืน

Share