แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยโต้เถียงกันในประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นที่สาธารณประโยชน์ เป็นคดีมีทุนทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตาม น.ส. 3 ก. ซึ่งโจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์มาเป็นเวลานานแล้ว จำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นนายอำเภอได้สั่งให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินพร้อมด้วยจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตามลำดับ เข้าไปขุดฝังหลักแนวเขตหนองน้ำสาธารณะล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของโจทก์เพื่อแย่งการครอบครองที่ดินโจทก์หรือกันไปเป็นเขตหนองน้ำสาธารณะ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนหลักแนวเขตหนองน้ำสาธารณะที่รุกล้ำเข้าไปในที่ของโจทก์ออกให้หมดและห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องรบกวนสิทธิในที่ดินของโจทก์ หากจำเลยไม่ยอมรื้อถอนหลักแนวเขตหนองน้ำสาธารณะดังกล่าว ให้โจทก์รื้อถอนได้เองโดยให้จำเลยเป็นผู้ชดใช้การรื้อถอนและขนย้ายหลักเขตดังกล่าวนั้นออกจากที่ดินของโจทก์
จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งมีหน้าที่ดูแลหนองน้ำสาธารณประโยชน์สั่งให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ออกทำการฝังหลักเขตแสดงแนวเขตที่หนองน้ำสาธารณะโดยไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์แต่อย่างใด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งห้ารื้อถอนแนวเขตหนองน้ำสาธารณะที่รุกล้ำลงไปในที่ดินของโจทก์ออกทั้งหมด ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องรบกวนสิทธิหรือโต้แย้งสิทธิใด ๆ ในที่ดินโจทก์ หากจำเลยไม่รื้อถอนออกไปให้โจทก์รื้อถอนได้เองโดยจำเลยเสียค่าใช้จ่าย
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ และคดีนี้โจทก์จำเลยโต้เถียงกันว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นที่สาธารณประโยชน์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ศาลฎีกาได้สั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพิ่มให้ครบถ้วนแล้ว
พิพากษายืน