คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2321/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้มอบอาวุธปืนให้จำเลยที่ 2 แต่การที่จำเลยที่ 2 ท้าผู้เสียหายกับพวกชกต่อยครั้นผู้เสียหายกับพวกลงจากบ้านจำเลยที่ 2 ได้วิ่งหนี แต่เมื่อผู้เสียหายกับพวกวิ่งไล่ตาม จำเลยที่ 2 จึงใช้อาวุธปืนยิง ดังนี้เป็นการตัดสินใจของจำเลยที่ 2 เพียงผู้เดียวเพื่อมิให้ผู้เสียหายกับพวกวิ่งไล่ตาม กรณีถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 80, 83, 91, 288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ข้อ 3, 6, 7 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4และริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 271 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคสอง72 วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสอง คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ข้อ 3, 6, 7 ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ จำคุก 1 ปี รวมลงโทษจำคุก 2 ปีลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี 4 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก จำเลยที่ 2มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 371พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคสอง,72 วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสอง คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ข้อ 3, 6, 7 ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ จำคุก 1 ปี ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นจำคุก 12 ปี รวมลงโทษจำคุก 14 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 7 ปีของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 83 อีกกรรมหนึ่งวางโทษจำคุก 12 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำคุก 8 ปี ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานพาอาวุธปืนไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯซึ่งเป็นบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้เสียหายกับพวกไปเที่ยวงานที่วัดแม่วางพัฒนาหรือวัดแม่แต๊ะแล้วไปดื่มสุราที่บ้านนายบุญยงค์ ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้มาร่วมวงดื่มสุราด้วยจนมีอาการมึนเมา จำเลยที่ 1 ชักอาวุธปืนลูกซองสั้นจากเอวมาเล่นและทะเลาะกับพวกผู้เสียหาย มีผู้เข้าไปห้ามแล้วจำเลยที่ 1 ออกจากบ้านนายบุญยงค์ไปบอกพวกจำเลยที่ 1 ที่อยู่บ้านนายแก้วว่าถูกชกต่อยพวกของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 ร่วมด้วยได้ไปที่บ้านนายบุญยงค์ จำเลยที่ 2 กับพวกได้ท้าชกต่อยผู้เสียหายกับพวกผู้เสียหายกับพวกจึงลงจากบ้านนายบุญยงค์ไปวิ่งไล่จำเลยที่ 2กับพวก จำเลยที่ 2 จึงได้ยิงผู้เสียหายกับพวกได้รับอันตรายแก่กาย
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 มีเรื่องทะเลาะกับพวกผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 จึงไปบอกจำเลยที่ 2 กับพวก จำเลยที่ 2กับพวกได้มาท้าชกต่อยผู้เสียหายกับพวก ผู้เสียหายกับพวกลงจากบ้านของนายบุญยงค์วิ่งไล่จำเลยที่ 2 กับพวก จำเลยที่ 2 จึงได้ยิงผู้เสียหายกับพวก กรณีเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้สมคบหรือกระทำผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 พยายามฆ่าผู้เสียหาย ส่วนอาวุธปืนที่จำเลยที่ 2 ใช้ยิงนั้นเห็นว่าแม้จะเป็นความจริงว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้มอบอาวุธปืนให้จำเลยที่ 2 คงจะมอบให้ในตอนที่จำเลยที่ 1ไปบอกจำเลยที่ 2 ที่บ้านนายแก้ว เพราะขณะที่จำเลยที่ 2ยิงผู้เสียหายกับพวก พยานโจทก์ทุกปากเบิกความตรงกันว่า ไม่เห็นจำเลยที่ 1 อยู่ในที่เกิดเหตุ เมื่อได้รับมอบอาวุธปืนแล้วจำเลยที่ 2กับพวกไปที่บ้านนายบุญยงค์และท้าผู้เสียหายกับพวกชกต่อย พยานโจทก์เบิกความตรงกันว่า ก่อนที่จำเลยที่ 2 จะใช้อาวุธปืนยิงนั้นจำเลยที่ 2 ได้ท้าผู้เสียหายกับพวกชกต่อย ผู้เสียหายกับพวกจึงได้ลงจากบ้านนายบุญยงค์วิ่งไล่จำเลยที่ 2 กับพวก จำเลยที่ 2 กับพวกได้วิ่งหนี แล้วจำเลยที่ 2 ได้หันกลับไปยิงผู้เสียหายกับพวกตามคำเบิกความพยานโจทก์ดังกล่าวเห็นได้ชัดว่า เมื่อผู้เสียหายกับพวกลงจากบ้านนายบุญยงค์ จำเลยที่ 2 มิได้ยิงผู้เสียหายทันทีแต่ได้วิ่งหนีก่อน เมื่อผู้เสียหายกับพวกวิ่งไล่ตามจำเลยที่ 2จึงได้ยิงผู้เสียหายกับพวก เป็นการตัดสินใจของจำเลยที่ 2เพียงผู้เดียวเพื่อมิให้ผู้เสียหายกับพวกวิ่งไล่ตาม กรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วยแต่อย่างใด
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1ในข้อหาพยายามฆ่า นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share