คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้ร้องแจ้งการประเมินเพื่อเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินไปยังผู้คัดค้าน ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย การที่ผู้คัดค้านมีหนังสือตอบผู้ร้องว่าผู้คัดค้านไม่อาจยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเป็นการแจ้งความคิดเห็นของผู้คัดค้านไปยังผู้ร้องเท่านั้น ความเห็นของผู้คัดค้านดังกล่าวไม่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 ผู้ร้องไม่อาจร้องคัดค้านเป็นคดีนี้ได้ ประเด็นนี้แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาก่อน แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1เด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ผู้คัดค้านได้นำอู่ลอยสำหรับซ่อมเรือของจำเลยที่ 1 ออกให้เช่า จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินให้แก่ผู้ร้อง ซึ่งผู้คัดค้านเป็นผู้มีอำนาจจัดการทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ต้องยื่นแบบเพื่อเสียภาษีดังกล่าวต่อผู้ร้องแต่มิได้ชำระ ผู้ร้องได้แจ้งการประเมินเพื่อเรียกเก็บภาษีไปยังผู้คัดค้านแล้ว แต่ผู้คัดค้านมิได้ชำระภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง และมิได้อุทธรณ์โต้แย้งการประเมินนั้น ผู้ร้องได้มีหนังสือเตือนให้ผู้คัดค้านชำระหนี้สองครั้ง ผู้คัดค้านมีหนังสือตอบผู้ร้องว่าเป็นภาษีที่เกิดขึ้นภายหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้วจึงเป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระได้ ซึ่งผู้ร้องทราบคำวินิจฉัยดังกล่าวเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2533 จึงมายื่นคำร้องภายใน 14 วันนับแต่วันทราบ ขอให้บังคับผู้คัดค้านเอาเงินของจำเลยที่ 1มาชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินพร้อมทั้งเงินเพิ่มเป็นเงิน3,111,428.54 บาท ให้แก่ผู้ร้องแทนจำเลยที่ 1
ผู้คัดค้านยื่นคำแถลงคัดค้านว่า หนี้ค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินพร้อมทั้งเงินเพิ่มที่ผู้ร้องประเมินและแจ้งให้ผู้คัดค้านชำระแทนจำเลยที่ 1 เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 แล้ว จึงไม่อาจนำมาขอรับชำระได้ผู้คัดค้านไม่มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีแทนจำเลยที่ 1ผู้คัดค้านนำอู่ลอยสำหรับซ่อมเรือของจำเลยที่ 1 ออกให้เช่าแต่ผู้เช่าไม่เคยชำระค่าเช่าเลย ต่อมาผู้คัดค้านจึงขายทอดตลาดอู่ลอยดังกล่าว ผู้ร้องคำนวณค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมายสูงกว่าความเป็นจริง ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านนำเงินจากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจำนวน1,071,250 บาท ให้แก่ผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้คัดค้านนำเงินจากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินกับเงินเพิ่มรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,111,428.54 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องได้แจ้งการประเมินเพื่อเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินไปยังผู้คัดค้านเพื่อให้ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปี 2527 ถึงปี 2532 ของลูกหนี้ เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 24เพื่อให้ผู้คัดค้านซึ่งมีอำนาจจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ชำระภาษีดังกล่าว หรือหากเห็นว่าการประเมินไม่ถูกต้องผู้คัดค้านก็อุทธรณ์โต้แย้งการประเมินต่อผู้ร้องได้ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย การที่ผู้คัดค้านมีหนังสือตอบผู้ร้องว่าผู้คัดค้านไม่อาจยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีตามเอกสารหมาย ร.16 ดังกล่าวเป็นการแจ้งความคิดเห็นของผู้คัดค้านไปยังผู้ร้องเท่านั้น ความเห็นของผู้คัดค้านดังกล่าวไม่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 สิทธิของผู้ร้องมีอยู่เช่นไรในการที่จะบังคับชำระค่าภาษีดังกล่าวก็ยังคงมีอยู่มิได้เปลี่ยนแปลงไปตามความเห็นของผู้คัดค้าน ผู้ร้องไม่อาจร้องคัดค้านเป็นคดีนี้ได้ประเด็นนี้แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาก่อน แต่ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง

Share