คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2038/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยท้ากันโดยขอให้หัวหน้าฝ่ายรังวัดสำนักงานที่ดินร่วมกับจ่าศาลไปรังวัดสอบเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 30471 เพื่อให้ทราบว่าการวางท่อประปาตามฟ้องรุกล้ำในที่ดินดังกล่าวหรือไม่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการวางท่อประปาตามฟ้องรุกล้ำที่ดินของโจทก์ตรงตามคำท้าแล้ว จำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้าข้อที่จำเลยยกขึ้นโต้แย้งว่า เส้นดำหมายเขียวเป็นแนวเขตรัศมีทางหลวงอันเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ของกรมทางหลวงนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่นอกเหนือไปจากคำท้า ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินตามโฉนดเลขที่ 30471 จำเลยที่ 1 ว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดไว-วาทำการขุดและวางท่อประปาขนาด 500 มิลลิเมตร ตามแนวทางหลวงแผ่นดินสายพุนพิน-สุราษฎร์ธานี โดยจำเลยที่ 1 มีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ซึ่งเป็นลูกจ้างร่วมกันเป็นผู้ควบคุมดูแลห้างหุ้นส่วนจำกัดไว-วาปฏิบัติตามที่ได้ว่าจ้าง ต่อมาจำเลยที่ 2ถึงที่ 6 จงใจร่วมกันมีคำสั่งให้คนงานของห้างหุ้นส่วนจำกัดไว-วาบุกรุกเข้าไปขุดดินในที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ทางทิศตะวันตก และฝังท่อประปาขนาด 500 มิลลิเมตร ลงในที่ดินดังกล่าวยาวตลอดแนวทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะไม่อาจปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ลงบนที่ดินดังกล่าวได้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งหกร่วมกันรื้อถอนท่อประปาขนาด 500 มิลลิเมตร ออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสี่และทำให้ที่ดินอยู่ในสภาพเดิมด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งหกหากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ให้จำเลยทั้งหกร่วมกันใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินรวมเป็นเงิน140,225 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากจำนวนเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายวันละ 1,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจำเลยทั้งหกจะทำการรื้อถอนท่อประปาและทำที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ให้อยู่ในสภาพเดิม
จำเลยทั้งหกให้การว่า จำเลยทั้งหกไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์จำเลยที่ 3 ที่ 5 ที่ 6 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่มีอำนาจใดในการควบคุมดูแลคนงานของห้างหุ้นส่วนจำกัดไว-วา จำเลยที่ 1 ไม่เคยสั่งให้จำเลยที่ 3 ที่ 5 ที่ 6 กระทำการใดเกี่ยวกับที่โจทก์ฟ้อง จำเลยทั้งหกไม่เคยสั่งคนงานของห้างหุ้นส่วนจำกัดไว-วา บุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ จำเลยที่ 1 ว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดไว-วาให้ฝังท่อประปาขนาด 500 มิลลิเมตร ตามแนวทางหลวงแผ่นดินสายพุนพิน-สุราษฎร์ธานี บนที่ดินของกรมทางหลวงไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดสืบพยานโจทก์คู่ความแถลงท้ากัน โดยโจทก์ขอสละคำขอท้ายฟ้องข้อ 2 และ 3 และคู่ความขอให้นายอนันตศักดิ์ ฉวีศักดิ์หัวหน้าฝ่ายรังวัดสำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานีร่วมกับจ่าศาลไปรังวัดสอบเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 30471 เพื่อให้ทราบว่าการวางท่อประปาตามฟ้องรุกล้ำในที่ดินดังกล่าวหรือไม่หากไม่รุกล้ำโจทก์ยอมแพ้คดีทุกประเด็น หากรุกล้ำ จำเลยยอมแพ้คดีโดยยอมรื้อถอนท่อประปาตามฟ้องออกไปจากที่ดินดังกล่าวภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา
นายอนันตศักดิ์ และนายสัมฤทธิ์ มีผล จ่าศาลชั้นต้นร่วมกันไปรังวัดสอบเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 30471 ของโจทก์แล้วทำแผนที่แสดงการรังวัดและร่วมกันทำความเห็นเสนอต่อศาลชั้นต้นว่า แนวเขตโฉนดที่ดินเลขที่ 30471 ที่ฝ่ายโจทก์นำรังวัด ถูกต้องตามโฉนดส่วนแนวการวางท่อประปาของฝ่ายจำเลยนั้น ได้ขุดพบท่อประปา 2 จุดตามรูปแผนที่แสดงการรังวัดซึ่งเห็นชัดเจนว่า ฝ่ายจำเลยได้วางท่อประปารุกล้ำเข้าไปในเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ แต่นายก่อเกียรติบูรณวิทย์ นายช่างโยธา 7 หัวหน้าแขวงการทางสุราษฎร์ธานีและนายประเสริฐ วัฒนาไพบูลย์ พนักงานอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งเป็นทนายจำเลยทั้งหกต่างแถลงยืนยันว่าท่อประปาของจำเลยที่ขุดพบอยู่ในเขตที่ดินที่เป็นของกรมทางหลวง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งหกวางท่อประปารุกล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของโจทก์ จำเลยทั้งหกจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า พิพากษาให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรื้อถอนท่อประปาขนาด 500 มิลลิเมตร ตามฟ้องออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 30471 ตำบลมะขามเตี้ยอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของโจทก์ทั้งสี่ภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา และทำให้ที่ดินดังกล่าวอยู่ในสภาพเดิมด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งหก คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้คู่ความท้ากันให้นายอนันตศักดิ์และจ่าศาลชั้นต้นไปรังวัดสอบเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 30471 เพื่อให้ทราบว่า การวางท่อประปาตามฟ้องรุกล้ำที่ดินดังกล่าวหรือไม่หากไม่รุกล้ำโจทก์ยอมแพ้ หากรุกล้ำจำเลยยอมแพ้ นายอนันตศักดิ์และจ่าศาลไปรังวัดสอบเขตแล้วทำแผนที่แสดงการรังวัดและร่วมกันทำความเห็นเสนอต่อศาลชั้นต้น มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งหกว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่าการวางท่อประปาตามฟ้องรุกล้ำที่ดินของโจทก์ตรงตามคำท้าของคู่ความหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ตามรายงานความเห็นของนายอนันตศักดิ์และจ่าศาลชั้นต้นเอกสารในสำนวนอันดับที่ 49 มีข้อความระบุไว้ชัดแจ้งว่าแนวเขตที่ดินตามโฉนดเลขที่ 30471 ที่ฝ่ายโจทก์นำรังวัดนั้นถูกต้องตามโฉนด ส่วนแนวการวางท่อประปาของฝ่ายจำเลยได้ขุดพบท่อประปาจำนวน 2 จุด ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าฝ่ายจำเลยวางท่อประปารุกล้ำเข้าไปในเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ สอดคล้องกับแผนที่พิพาทเอกสารในสำนวนอันดับที่ 48 ที่ได้แสดงให้เห็นชัดแจ้งว่ารูปสี่เหลี่ยมสีเหลือง 1 และ 2 ซึ่งเป็นหลุมที่ขุดพบท่อประปาทางทิศเหนือและใต้ทั้งสองจุดต่างก็อยู่ภายในเส้นดำหมายแดงอันเป็นแนวเขตโฉนดที่ดินเลขที่ 30471 ของโจทก์ทั้งสิ้น ดังนั้น แนวการวางท่อประปาของจำเลยทั้งหกจึงรุกล้ำเข้าไปในเขตโฉนดที่ดินดังกล่าวข้อเท็จจริงจึงฟังได้เป็นยุติว่าการวางท่อประปาตามฟ้องรุกล้ำที่ดินของโจทก์ตรงตามคำท้าแล้ว จำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้าข้อที่จำเลยยกขึ้นโต้แย้งว่าเส้นดำหมายเขียวเป็นแนวเขตรัศมีทางหลวงอันเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ของกรมทางหลวง นั้น เป็นข้อเท็จจริงที่นอกเหนือไปจากคำท้า ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามที่คู่ความตกลงท้ากันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่มีเหตุที่จะต้องสืบพยานโจทก์พยานจำเลยเพื่อฟังข้อเท็จจริงกันอีก
พิพากษายืน

Share